เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 19 เมษายน พ.ต.อ.ปรเมษฐ โพยนอก ผกก.สน.คลองตัน พ.ต.ท.เรวัช ราชสังข์ รอง ผกก.สส.สน.คลองตัน และพ.ต.ต.ธนาธิป ครองงาม สว.สส.สน.คลองตัน ร่วมกันนำกำลังตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน จับกุมตัวนายคำพันธ์ หรือนาย พลที อายุ 51 ปี ผู้ต้องหา”รปภ.”ฉกทรัพย์ พร้อมของกลางบัตรประชาชน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ของผู้เสียหายอย่างละ 1 ใบ กระเป๋าผ้าสีดำ เหลือง รูปหน้าวัว จำนวน 1 ใบ เงินจำนวน 20,810 บาท กระเป๋าสะพายข้าง สีดำ จำนวน 1 ใบ และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน สีเทา-ดำ จำนวน 1 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณที่นั่งตึกศิริสุข อพาร์ทเม้น ซอยพัฒนาการ 28 ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 เมษายน เวลาประมาณ 06.12 น.ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผ่านมา มีน.ส.เอ (นามสมมุติ) เป็นพนักงานร้านอาหารย่านซอยนานา เดินทางเข้าร้องทุกข์กับทางตำรวจ สน.คลองตัน ว่าหลังจากที่ไปเล่นน้ำสงกรานต์กับเพื่อนร่วมงานที่ย่านถนนสุขุมวิท จากนั้นได้โดยสารรถแท็กซี่ไปยังห้องพักย่านหัวหมาก แล้วปรากฎว่าเผลอหลับไป พอตื่นขึ้นมาที่ห้องพักพบว่ากระเป๋าสตางค์ได้หายไป แล้วเมื่อตรวจสอบพบอีกว่ามีการนำบัตรเอทีเอ็มไปกดที่ตู้เอทีเอ็มบริเวณคอนโดมิเนียม ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ ได้เงินสดไป จำนวน 27,000 บาท จึงเดินทางมาแจ้งความดังกล่าว
จากนั้นทางตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตันจึงลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ที่คนร้ายนำบัตรของเหยื่อไปกดเงินดังกล่าว พบว่ามีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้อย่างชัดเจน มีรูปพรรณเป็นชาย 1 ราย อายุประมาณ 50 ปี สวมเสื้อสีม่วงกางเกงดำสะพายกระเป๋าสีดำมากดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม อาคารดังกล่าว ก่อนหลบหนีไป จึงได้ออกสืบสวนหาตัวคนร้ายตลอดมา ต่อมาทางตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชายไทย อายุ 50 ปี มีรูปพรรณตรงตามกับคนร้ายที่ก่อเหตุ ได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นั่งหน้าตึกศิริสุข อพาร์ทเม้น ซอยพัฒนาการ 28 ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อทางตำรสจไปถึงพบนายคำพันธ์ หรือนาย สวมเครื่องแบบ รปภ.นั่งอยู่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวทำการจับกุมพร้อมทั้งขยายผลทำการตรวจยึดของกลางที่เหลือไว้ได้ และควบคุมตัวสอบสวนที่ สน.คลองตัน
จากการสอบสวน ผู้ต้องหา ให้การยอมรับสารภาพ ว่าก่อนเกิดเหตุได้เข้าเวนตามปกติ แล้วพบว่ามีรถแท็กซี่มาจอดปล่อยผู้เสียหายรายนี้ที่มีอาการมึนเมานอนสลบไม่ได้สติ ตนจึงฉวยโอกาสขโมยกระเป๋าสตางค์เหยื่อออกมา ต่อมาได้เปิดดูในกระเป๋าพบว่ามีบัตรเอทีเอ็ม อยู่พร้อมมีกระดาษขนาดเล็กระบุรหัสบัตรไว้ จึงนำไปกดเงิน ซึ่งเงินที่ได้นำไปซื้อชุดนักเรียนให้ลูกชายวัย7ขวบ ต่อมาด้วยว่ากลัวความผิดจึงไปยื่นใบลาออกจากทางบริษัท แต่ต้องกลับมาทำหน้าที่จึงถูกตำรวจมาจับกุมไว้ได้ก่อน ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบประวัติแล้วไม่พบการกระทำความผิดมาก่อน ซึ่งเจ้าตัวรับว่าทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น
อย่างไรก็ตามทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งเบื้องต้นแจ้งข้อหา “ลักทรัพย์หรือรับของโจร”ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
