“บรรยิน” ยัน บริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวอุ้มพี่ชายผู้พิพากษา หลัง กองปราบฯสอบเครียด
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ขณะที่คุมตัวพี่ชายผู้พิพากษา พ.ต.ท.บรรยิน ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อข่มขู่ให้ ผู้พิพากษายกฟ้องในคดีโอนหุ้น นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง รวม 300 ล้านบาท
ระหว่างทางยังได้ลงมือทำร้ายร่างกายพี่ชายผู้พิพากษาด้วยการต่อยเข้าที่ท้อง แต่เนื่องจากเหยื่อมีอายุมากได้สิ้นใจบนรถ ขณะขับผ่านถนนย่านบางบัวทอง จึงนำศพไปทำลายเพื่ออำพรางคดี
โดยเผาเสื้อผ้าและสิ่งของผู้ตายที่ เขาใบไม้ อ.ตาคลี ส่วนศพชำแหละแล้วยัดใส่ถุงพลาสติก ทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ ต.บ้านกลางแดด อ.เมือง จ.นครสวรรค์
ด้านนายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 17.30 น.ได้มีคนร้ายจากเท่าที่ปรากฎหลักฐาน 3-4 คนร่วมกันอุ้มลักพาตัวพี่ชายผู้พิพากษา ขึ้นรถที่จอดเตรียมมา ตรงบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้
ภายหลังจากที่มีการลักพาตัว กลุ่มคนร้ายได้โทรศัพท์เข้ามาหาผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อข่มขู่คดีโดยขอให้ยกฟ้องในคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์
หลังจากนั้นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ จึงเข้าเเจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการบันทึกเทปสนทนาการข่มขู่ดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน
ทางสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ประสานทางสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ (ตร.) เเละมีการตั้งทีมสืบสวนขึ้นในวันดังกล่าวโดยทันที และได้สืบสวนสอบสวนติดตามคดีเรื่อยมา เเต่ด้วยความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยของตัวประกัน เรื่องดังกล่าวจึงต้องอยู่ในชั้นความลับไม่สามารถที่จะเป็นข่าวได้
เลขาฯศาลยุติธรรม ลั่นอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาต่อรองคดี เป็นเรื่องร้ายแรง!
กระทั่งทางทีมสืบสวนสอบสวนสามารถสืบจนทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องก่อเหตุคือใครบ้าง รวมทั้งทราบว่ามีคดีที่เกี่ยวพันอยู่กับเหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนี้ 2 คดี คือคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ เเละการโอนหุ้น 300 ล้านบาท
เมื่อมีการรวบรวมพยานหลักฐานทีมสืบสวนจึงได้ติดตามสถานที่กบดานคนร้ายจนเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาจึงได้ขออนุญาตศาลอาญาออกหมายจับจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ตามที่เป็นข่าว
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ยังอยู่ในภาวะเสียใจ ซึ่งทางสำนักงานศาลก็ได้ดูเเลความปลอดภัยให้ตั้งเเต่วันที่ 4 ก.พ.และได้ประสานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดหน่วยคุ้มกันดูแลความปลอดภัยมาโดยตลอด ซึ่งในปัจจุบันภายหลังเกิดเหตุท่านก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
หลังจากนี้หน่วยของศูนย์รักษาความปลอดภัยตาม พรบ.ตำรวจศาล มาตรา5 ที่มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ และความปลอดภัยของตัวบุคคล ทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะต้องวางมาตรการในเชิงป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น
ต่อไปถ้าหากมีคดีสำคัญหรือเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลเราก็จะต้องวิเคราะห์เรื่องการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิด เราอาจต้องมีการอารักขาตัวองค์คณะ ดังนั้นเราจึงต้องมีการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าพนักงานตำรวจศาลโดยเร็ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการอบรมเพื่อบรรจุเเต่งตั้งชุดใหม่ให้ได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด
กองปราบบุกรวบ “บรรยิน” พัวพันคดีอุ้มพี่ชายผู้พิพากษา