จากกรณีที่นายชาญวิทย์ สิรภักดี นายอำเภอคีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ส่งหนังสือด่วนถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกตำบล ทุกหมู่บ้านให้เฝ้าระวัง นายอนุสรณ์ สมบุญ หรือ แอะ หรือ “เสือโหย” อายุ 33 ปี ชาว อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ได้กระทำการผิดกฎหมายทางเพศ สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากไม่สามารถใช้ชีวิตโดยปกติสุขได้ และเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 63 ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีออกหมายจับ ในข้อหาพยายามข่มขืนกระทำชำเรา บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้
วันที่ 28 ม.ค. 63 นางพร อาย 53 ปี แม่ของนายอนุสรณ์ สมบุญ หรือ “เสือโหย” เปิดเผยว่า เสือโหยเป็นลูกคนที่สอง จากพี่น้องสามคน 5 เดือนก่อนพ้นโทษออกมา ก็ได้กลับมาอยู่ในพื้นที่พร้อมภรรยา ซึ่งเป็นคนภาคอีสาน มีอาชีพช่วยกันหาปลาในพื้นที่ขาย ชีวิตครอบมีความสุขดี จนกระทั่งเมื่อประมาณเดือนธันวาคม ปี 2562 ที่ผ่านมา ลูกสะใภ้ต้องกลับบ้านเกิด ทำให้เสือโหยไม่มีจิตใจทำงาน และออกจากบ้านไปหลายวัน และกลับมาครั้งสุดท้าย 3 สัปดาห์ก่อน จนมาทราบข่าวว่าลูกชายก่อเหตุ
ทั้งนี้ ด้วยความเป็นแม่ ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกชายมาก ยังเป็นห่วงหลังลูกพ้นโทษมาได้แต่หวังว่าลูกจะกลับตัวเป็นคนดี แต่มาก่อเหตุนี้ซ้ำอีก รู้สึกเสียใจ และตอนนี้ไม่รู้ว่าลูกหนีไปอยู่ที่ไหน อยากให้มามอบตัว ขอร้องให้ยอมรับผิดเหตุการณ์ที่ก่อไว้ทั้งหมด ขณะนี้ตนรู้สึกอับอายชาวบ้านในหมู่บ้านมาก
น.ส.จุ๊ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ลูกพี่ลูกน้องของเสือโหย ผู้เสียหาย เล่าว่า เสือโหยบุกเข้าบ้านและพยายามข่มขืนตน แต่ไม่สำเร็จ ปกติตนเปิดร้านขายของชำอยู่เยื้องบ้านเช่าของแม่เสือโหย ตนพักอยู่เพียงลำพัง เลี้ยงแมวด้วย 1 ตัว เวลาตี 1 วันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนนอนหลับอยู่ภายในห้องพัก รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าเสือโหยได้บุกเข้ามาอยู่บนที่นอนและใช้อาวุธมีดจี้ที่ลำคอตนเอาไว้ ขมขู่ไม่ให้ขัดขืนและส่งเสียงร้อง หากขัดขืนจะปาดคอ พร้อมพยามจะลวนลามข่มขืน ตนจึงตั้งสติร้องขอชีวิตและชวนพูดคุย หลอกล่อเพื่อถ่วงเวลาจนคนร้ายใจอ่อนลง ประกอบกับลูกแมวที่ตนเลี้ยงไว้ส่งเสียงร้อง ตนจึงวางแผนขอไปเอาอาหารให้แมว ก่อนจะวิ่งเปิดประตูหลังหลบหนีออกมาได้ โดยคนร้ายได้เพียงโทรศัพท์มือถือไป 1 เครื่อง ก่อนนำไปจำนำกับญาติพี่น้อง 1,000 บาท ซึ่งคนรับจำนำไว้ได้นำมาคืนตนแล้ว