จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Summana Ja” เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด นาทีเกิดอุบัติเหตุรถกระบะเปิดประตูขณะการจราจรติดขัด ส่งผลให้รถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งมาพุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าซอยเสรีไทย 20/1 เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นายอดิศักดิ์ ตามจะโปะ อายุ 46 ปี ที่ขี่รถจักรยานยนต์มา โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 62 ช่วงเวลา 07.45 น.
ล่าสุด วันที่ 16 มิ.ย. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่หมู่บ้านประชาชื่น ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยจากคลิป พลเมืองดีได้ถ่ายเอาไว้ขณะเกิดเหตุ เป็นรถกระบะสีดำจอดอยู่บริเวณกลางถนน และคนในรถได้เปิดประตูหน้าฝั่งซ้ายออกมา ซึ่งเป็นขณะเดียวกับที่นายอดิศักดิ์ ตามจะโปะ ขี่มอเตอร์ไซค์มาด้านข้างทำให้เกิดการชนกัน และส่งผลให้ร่างนายอดิศักดิ์ลอยกระแทกพื้น ส่วนรถกระบะมีรอยบุบบริเวณริมประตู ซึ่งคนบนรถกระบะพยายามปิดประตูรถถึง 7 ครั้ง จึงสามารถปิดได้ ก่อนจะลดกระจกลง เพื่อดูผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ได้ลงมาช่วยเหลือ และขับหนีไป
นายอดิศักดิ์ ตามจะโปะ อายุ 46 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ อยู่ในสภาพขยับตัวไม่ได้ กระดูกไหปลาร้าข้างขวาหัก ใส่ผ้าคล้องแขนเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ หน้าอกมีรอยช้ำ ขาขวามีแผลยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ลึก 1 เซนติเมตร 4-5 แผล โดยนายอดิศักดิ์ เปิดเผยว่า ขณะที่ตนขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน ไปถึงบริเวณหน้าซอยเสรีไทย 20/1 รถมอเตอร์ไซค์ของตนก็ชนกับอะไรบางอย่าง โดยที่ขณะนั้นตนก็ไม่เห็นว่าเป็นอะไร จนทำให้ร่างตนลอยกระแทกพื้น รู้สึกเหมือนถูกตีหัว และน็อกวูบหมดสติทันที จนรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่พลเมืองดีนำร่างของตนไปนั่งบริเวณริมฟุตพาท พยายามเรียกให้ได้สติ และติดต่อญาติ
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ตนเพิ่งเห็นพฤติการณ์ทั้งหมดตอนที่ไปดูภาพวงจรปิด ซึ่งตนรู้สึกเสียใจมาก และถ้าตนตายในเหตุการณ์นั้น ก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร และยอมรับว่ารู้สึกเจ็บใจ และอยากถามไปถึงเจ้าของรถกระบะว่าถ้าญาติพี่น้องหรือครอบครัวถูกแบบตนบ้าง เขาจะรู้สึกอย่างไร
นายอดิศักดิ์ ยังบอกอีกว่า ส่วนอาการของตนตอนนี้ จะต้องผ่าตัดกระดูกไหปลาร้า และอาจจะต้องพักรักษาตัวอีกเป็นเดือน อีกทั้งต้องมารอดูอาการว่าจะหายสนิทหรือไม่ ทั้งนี้ ถ้าคู่กรณีติดต่อมา ตนพร้อมพูดคุย แต่จะให้อภัยหรือไม่นั้น ต้องดูการเจรจาว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร เพราะดูจากคลิปวงจรปิดนั้น คู่กรณีเหมือนจะไม่มีความรับผิดชอบ และไม่มีจิตสำนึกหรือสามัญสำนึกเลย ซึ่งตนก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร สะเทือนใจจนพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม ตนเป็นคนทำงานเพียงคนเดียวในบ้าน ภรรยาของตนก็เป็นมะเร็งเต้านม จึงจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อดูแลครอบครัวจำนวนมาก ซึ่งเมื่อตนมาเป็นอย่างนี้ ก็ทำให้ขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว
นางวรพร ตามจะโปะ อายุ 44 ปี ภรรยาของนายอดิศักดิ์ เปิดเผยว่า ตัวเองเป็นมะเร็งเต้านมมาประมาณ 1 ปี โดยใช้สิทธิประกันสังคมในการรักษา แต่ยังจำเป็นต้องใช้เงินค่าเดินทางไปรักษาจำนวนมาก เพราะต้องไปตามวันที่หมอนัด และบางครั้งต้องเดินทางติดต่อกันทุกวัน อีกทั้งต้องนำเงินส่งลูกสาวเรียนหนังสือ ซึ่งเมื่อสามีเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ ก็ทำให้ขาดรายได้ทั้งหมดของครอบครัว เพราะตนก็ไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งครอบครัวตนต้องใช้เงินกว่า 20,000 บาทต่อเดือนในการจุนเจือครอบครัว
นางวรพร ยังบอกอีกว่า ตนรู้สึกเสียใจและหดหู่อย่างมาก เพราะสามีตนเกิดอุบัติเหตุ แต่คู่กรณีกลับไม่ช่วยเหลือและหนีไป ซึ่งตนก็อยากให้เขามาช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลสามี และถ้าเขามาขอโทษ ตนก็ยินดีพูดคุยด้วย
