จากกรณีเกิดเหตุลูกโป่งสวรรค์ ระเบิดเกิดไฟลุกไหม้ผมและแขนเด็กอายุ 8 เดือน ขณะนอนเล่นในบ้านอยู่กับแม่เพียง 2 คน โดยล่าสุดยายของเด็กระบุว่าขณะนั้นในบ้านไม่เปิดไฟส่องสว่าง และอากาศในบ้านก็ไม่ได้ร้อน จึงไม่เข้าใจว่าทำไมลูกโป่งจึงระเบิดขึ้นได้
วันที่ 5 ธ.ค. 62 นางปิยพร อินทะนิน แม่ของเด็ก ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ทำอะไรที่ก่อให้เกิดประกายไฟ จนเป็นเหตุให้ลูกโป่งระเบิดได้ เพราะขณะนั้นนอนเล่นอยู่กับลูกในบ้าน ไม่ได้เปิดไฟส่องสว่าง จึงมีเพียงแสงและอากาศถ่ายเทผ่านทางประตู อากาศในห้องขณะนั้นไม่ได้ร้อนมาก และขณะนั้นตนเองก็ไม่ได้เล่นโทรศัพท์ หรือชาร์จแบตทิ้งไว้ เพราะโทรศัพท์ตนอยู่นอกบ้าน และไม่มีใครสูบบุหรี่ด้วย
นอกจากนี้ ภายในห้องไม่ได้มีอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นใดที่เสียบปลั๊กหรือเปิดทิ้งไว้ นอกจากตู้เย็นที่เสียบปลั๊กใช้งานไว้อยู่ แต่ก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกโป่งระเบิดได้ เพราะตู้เย็นยังมีสภาพใหม่ เพิ่งซื้อมาไม่นาน ปลั๊กไฟที่เสียบก็ยังไม่ได้เก่า
สำหรับลูกโป่งดังกล่าว ตนเองซื้อมาจากงานประจำปีของจังหวัด ที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ในคืนของงานวันสุดท้าย วันที่ 1 ธ.ค. เวลาประมาณ 22.00 น. ก่อนที่จะมาระเบิดในวันวันรุ่งขึ้น 2 ธ.ค. เวลาประมาณ 11.00 น.
รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า โดยปกติลูกโป่งสวรรค์จะบรรจุก๊าซไฮโดรเจน (H) หรือ ฮีเลียม แต่ก๊าซฮีเลียม (He) ไม่ติดไฟ จึงอาจเป็นไปได้ว่ากรณีนี้จะบรรจุก๊าซไฮโครเจน
ส่วนกรณีที่จะทำให้ลูกโป่งเกิดการระเบิดและติดไฟได้นั้น จะต้องมี 3 ปัจจัย คือ (1) แหล่งกำเนิดไฟ (2) เชื้อเพลิง คือก๊าซไฮโดรเจน และ (3) ออกซิเจน ซึ่งมีในอากาศอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องดูกรณีนี้คืออะไรที่เป็นแหล่งกำเนินไฟหรือประกายไฟ ซึ่งตนมองว่า ขณะเกิดเหตุมีเพียงแม่กับลูก 8 เดือนที่นอนเล่นอยู่ด้วยกัน 2 คน จึงอาจเป็นไปได้ว่าแม่เด็กอาจจะทำอะไรให้เกิดประกายไฟ ลูกโป่งจึงระเบิดเกิดไฟลุกไหม้
โดยกรณีนี้เป็นไปได้ว่า แม่อาจจะยังไม่พูดความจริงทั้งหมดกับสื่อว่าในบ้านนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่มีทางที่จู่ ๆ ลูกโป่งจะระเบิดขึ้นเอง ทั้งนี้ หากจะนำไปเทียบเคียงกับกรณีที่ลูกโป่งสวรรค์ระเบิดในรถยนต์ดังที่เคยปรากฏเป็นข่าว ซึ่งผลตรวจพิสูจน์ปรากฏแล้วว่ากรณีที่ผ่านมา มีการชาร์จแบตภายในรถ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดประกายไฟ จนลุกไหม้ก๊าซที่รั่วซึมออกมาจากลูกโป่ง
https://youtu.be/QVm1rZNq_Ac