โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ลูกน้อยในครรภ์ของเธอกำลังจะตาย แต่ความรักของแม่คนนี้ทำให้เด็กน้อยมีชีวิตต่อ - ดีกับใจ

LINE TODAY

เผยแพร่ 19 ก.พ. 2563 เวลา 05.03 น. • @mint.nisara

"ความรักของแม่ยิ่งใหญ่ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีการยอมแพ้" คำพูดนี้เห็นจะพิสูจน์ได้ด้วยเรื่องราวสุดประทับใจเรื่องนี้ที่เราอ่านเจอมา 

เธอคือคุณแม่ลูกหนึ่งที่กำลังมีอีกสองชีวิตน้อย ๆ อยู่ในครรภ์ ชีวิตครอบครัวของเธอดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแต่อวลไปด้วยความสุข ทั้งเธอและสามีรอคอยที่จะได้เจอหน้าลูกแฝดตัวน้อยอย่างใจจดใจจ่อ แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงเมื่ออายุครรภ์ของคุณแม่คนนี้ย่างเข้าอาทิตย์ที่ 22 

“วันนั้นฉันพาลูกชายเข้านอนตอนกลางวันและตัวเองก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ตอนทำธุระเสร็จ ฉันก็ใช้ทิชชู่เช็ดทำความสะอาดตามปกติ แต่สิ่งที่เห็นและทำให้ฉันตกใจคือรอยเลือดจุดเล็ก ๆ ที่เปื้อนอยู่บนกระดาษ ฉันรีบโทรปรึกษาคุณหมอที่สนิทกัน หมอก็บอกให้ฉันลองไปตรวจดูเผื่อกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อแล้วจะมีผลกับเด็ก ๆ ตอนแรกฉันก็คิดว่ามันเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เอง แต่ก็เชื่อและไปโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์เอาไว้เพื่อเข้ารับการตรวจ 

เวลาผ่านไป 4 ชั่วโมงแต่ฉันก็ยังคงนั่งรอคิวอยู่ที่เดิมจนตัวเองเริ่มรู้สึกไม่ดี มันอึดอัดไปหมด ฉันเลยโทรหาคุณหมอคนเดิมว่าพยาบาลยังไม่มาเรียกคิวซะที หมอโทรไปประสานงานและสิ่งที่โรงพยาบาลบอกกับเธอก็คือ ลืมไปว่ามีคนไข้คนนี้นั่งรออยู่…

พวกเขาพาฉันขึ้นไปตรวจปัสสาวะ ผลตรวจออกมาปกติ หมอเลยส่งไปแผนกอัลตราซาวด์เพื่อเช็กอย่างละเอียดอีกทีนึง แต่ในระหว่างนั้นฉันกลับรู้สึกปวดท้องแปลบขึ้นมา มดลูกบีบตัวแรงมากและในใจฉันรู้เลยว่าเด็ก ๆ กำลังจะออกมา พยาบาลรีบโทรแจ้งหมอและพวกเขาก็คอนเฟิร์มว่าน้ำคร่ำแตกแล้ว น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างพรั่งหรูในทันที 

ฉันถามหมอว่าลูกสาวของฉันจะปลอดภัย แต่สิ่งที่ได้ยินกลับมาคือ “เด็ก ๆ จะเกิดวันนี้แต่พวกเขาจะไม่รอดนะ” ฉันพูดคำว่ ‘ตาย’ ออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่หยุด สามีและครอบครัวทุกคนมาถึงที่โรงพยาบาลและเราก็พยายามถามคุณหมอว่ามีวิธีไหนที่จะช่วยลูกน้อยของเราได้ไหม เราพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเซฟพวกเขาไว้ หมอยืนยันอย่างไร้ความรู้สึกว่าพวกเขาจะต้องตายในที่สุดและปฏิเสธที่จะให้ยาลดปวดกับฉันหรือแม้แต่จะให้ฉันประคองลูกน้อยถ้าพวกเขาออกมา หมอกลับบอกฉันว่า “คลอดให้มันจบ ๆ เถอะ ทุกอย่างจะผ่านไปเร็วมากและคุณจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไป” 

ฉันโกรธมาก โกรธทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้ เวลาผ่านไปสักพักมดลูกของฉันหยุดบีบตัว หมอเลยย้ายฉันกลับไปยังห้องพักปกติ 

ในระหว่างนั้นสามีของฉันพยายามหาโรงพยาบาลใกล้ ๆ ที่สามารถให้ความช่วยเหลือเราได้ แต่ไม่มีที่ไหนทำคลอดให้ถ้าอายุครรภ์ไม่ถึง 23 สัปดาห์

วันต่อมา หมออีกคนเข้ามาคุยกับฉัน เขาบอกฉันว่าหากฉันไม่คลอดเด็ก ๆ ออกมาตัวฉันเองจะเสี่ยงอันตรายไปด้วย โดยเฉพาะคอนดิชั่นในตอนนั้นที่เท้าของแฝดคนหนึ่งโผล่ออกมาแล้ว ฉันปฏิเสธที่จะให้พวกเขาผ่าคลอดเพราะตราบใดที่ลูก ๆ อยู่ในครรภ์ พวกเขาจะปลอดภัย พวกเขาจะยังหายใจได้ 

ฉันนอนอยู่บนเตียงอีก 4 วันด้วยสภาพปริ่ม ๆ ว่าจะคลอดไม่คลอด ฉันไม่สามารถแม้แต่จะลุกจากเตียงขึ้นมาเข้าห้องน้ำเพราะทุกครั้งที่ขยับตัว ตัวลูกจะหลุดออกมาเรื่อย ๆ เราหมดหวังกันกับทุกอย่าง ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับเคสของเราและฉันก็ยังคงยืนกรานว่าไม่ว่ายังไงลูกสาวของฉันจะต้องมีชีวิตรอด ทุกอย่างกลับด้านเมื่อคุณหมอคนใหม่เดินเข้ามาในห้อง เธอบอกกับเราว่าเธอจะช่วยโทรหาโรงพยาบาลอื่น ๆ ที่สามารถช่วยทำคลอดให้ฉันได้ นั่นคือครั้งแรกในรอบ 4 วันนี้ที่ฉันมีหวังในชีวิตขึ้นมา

เราได้โรงพยาบาลที่ตอบตกลงช่วย และระหว่างที่เคลื่อนย้าย ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทุกอย่างกลายเป็นภาพเบลอ ๆ ระดับออกซิเจนฉันต่ำมาก และหมอก็ตรวจพบว่าฉันติดเชื้อที่ปอด ถ้าไม่รีบคลอดฝาแฝดออกมา ไม่ใช่แค่ลูกที่จะไม่รอดแต่ฉันเองที่จะตามพวกเขาไปด้วย ครั้งนั้นฉันตอบตกลงว่าจะคลอดไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ขอเพียงแค่ช่วยลูกของฉันให้ออกมาอย่างปลอดภัยก่อน”

ด้วยความพยายามอย่างสุดกำลัง เธอให้กำเนิดลูกสาวคนแรก “ลูน่า” ด้วยน้ำหนักตัว 400 กรัม และ “เอมม่า” แฝดผู้น้องด้วยน้ำหนักตัว 450 กรัม

รูปจาก Love What Matters
รูปจาก Love What Matters

“พวกเธอลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัย และหมอบอกว่าเรามีเวลาแค่ 12-24 ชั่วโมงกับเด็ก ๆ พวกเขาไม่คิดว่าทั้งลูน่ากับเอมม่าจะรอด หัวใจฉันแตกสลายมาก ๆ แต่พอได้อุ้มลูกทั้งสองในอ้อมแขน ฉันรู้สึกไม่เสียใจหรือเสียดายกับทุกอย่างแย่ ๆ ที่ผ่านเข้ามา”

ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง ฝาแฝดมีพัฒนาการที่ดีขึ้นด้วยการช่วยเหลือทางการแพทย์ พวกเธอออกจากโรงพยาบาลได้ก่อนวันที่หมอกำหนด และก็เติบโตเป็นเด็กน้อยที่น่ารักและแข็งแรงเหมือนกับเด็กทั่ว ๆ ไป

“ฉันบอกทุกคนว่าลูกสาวทั้งสองเกิดก่อนกำหนดตั้ง 6 เดือน แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ” 

รูปจาก Love What Matters
รูปจาก Love What Matters

ตอนนี้ฝาแฝดมีอายุครบ 1 ขวบ พวกเธอเป็นนักสู้ตัวน้อยและคุณแม่ของพวกเธอก็เป็นตัวอย่างที่ให้กำลังใจให้กับคุณแม่คนอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน

แค่มีความหวังและศรัทธาที่แรงกล้า ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นได้ เราเชื่ออย่างนั้น : )

แหล่งที่มา

1

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0