เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.กระทุ่มแบน และเจ้าเจ้าหน้าที่อย. ได้เข้าตรวจค้น บริษัท POS Cosmetics (Thailand) ตั้งอยู่ที่ 88/17 หมู่ 4 ตำบลสวนหลวงอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของโรงงานผลิตครีมผิวขาวของบริษัท เมจิกสกิน จากการตรวจสอบพบคนงาน 4 คน
จากการตรวจสอบภายในโรงงานพบเป็นโรงงานที่มีรั้วรอบขอบชิด มีทางเข้าออกทางเดียว แบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ภายในห้องต่างๆ พบเครื่องและอุปกรณ์ในการผลิตครีมดังกล่าวมากมาย พร้อมทั้งยังพบครีมที่รอบรรจุ ใส่ไว้ในถุงพลาสติก และใส่ไว้ภายในถังสีเป็นจำนวนมาก โดยมีการเขียนไว้ว่า สินค้าหมดอายุ เตรียมทำลาย
พล.ต.อ.วิระชัย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบการโฆษณาของกลุ่มบริษัทเมจิกสกิน และกลุ่มบริษัทที่มีชื่อลงท้ายด้วยคำว่าสริมทั้งหลาย มีที่แจ้งว่ามีการผลิตที่ POS ซึ่งบริษัท POS มีมาตรฐานการผลิตสินค้าที่สูงมาก ถ้าได้เปิดดูโรงงานในอินเตอร์เน็ตจะเห็นได้ว่า เป็นบริษัทที่ใหญ่และมีเครื่องมือมากมาย เมื่อเข้าไปดูที่ตั้งข้างกล่อง และตนได้เปิดดูในจีพีอีเอส ก็ไม่พบโรงงาน พบเป็นทุ่งนา ซึ่งทั้งหมดไม่เหมือนกับที่โฆษณาเลย ซึ่งตนและทีมงานได้ทราบสถานที่ตั้งโรงงานแห่งจากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบโรงงานแห่งนี้พบพนักงานภายในโรงงานแค่ 4 คน และไม่มีใบอนุญาติประกอบโรงงาน ดังนั้นโรงงานแห่งนี้มีไว้แค่บังหน้า เมื่อตนไปตรวจต้นที่สำนักงานยังพบเครื่องบรรจุครีม ดังนั้นกระบวนการผลิดจึงไม่ถูกต้อง จากการตรวจสอบวัตถุดิมที่มีในโรงงานแห่งนี้ ยังพบว่ามีการนำแผ่นกระมาติดไว้ว่า สินค้าหมดอายุ เตรียมทำลาย ในเมื่อวานนี้ นั้นแสดงว่าโรงงานแห่งนี้อาจจะรับซื้อครีมที่หมดอายุ แล้วนำมาบรรจุขายอีกทีก็เป็นได้ หรือเป็นวัตถุดิบที่ผิดกฎหมาย เลยเอาป้ายมาติดไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามตนจะนำวัตถุดิบไปตรวจสอบอีกครั้ง เบื้องต้นโรงานนี้มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งก็จะสั่งเป็นโรงงานต่อไป
“โรงงานแห่งนี้หญิงย้วยเป็นผู้ก่อตั้ง แล้วเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมาหญิงย้วยก็ได้โอนให้คุณอภิวิชย์เป็นผู้ดูแล และเป็นคณะกรรมการ ดังนั้นในตอนนี้คุณอภิสิชย์มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างขัดเจน ในฐานความผิดตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตสินค้าโดยที่ไม่มีการจดแจ้ง ซึ่งในขณะนี้มีดารา นักร้อง นักแสดง หรือเน็ตไอดอล ที่มีส่วนเกี่ยวข้องถึง 56 คน ซึ่งตนจะทยอยเรียกตัวกลุ่มนี้มาสอบปากคำอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเหล่าดารา นักร้อง และเน็ตไอดอลไม่มีสิทธิที่จะบอกว่าไม่รู้ ไม่เห็นกับการผลิตสินค้าผิดกฎหมาย เพราะตามหลักแล้วดาราเหล่านั้นสามารถตรวจสอบเองได้ว่า สินค้าที่คนจะเป็นพรีเซนเตอร์นั้นมีความถูกต้องหรือไม่ เบื้องต้นถ้าพบว่าเหล่าดารา นักร้อง และเนตไอดอลมีความผิด ตนก็จะต้องแจ้งความในข้อหาการโฆษณาในข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค และโฆษณาเกินจริงอันเป็นเท็จด้วยเช่นกัน “ พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวปิดท้าย
รายงานแจ้งว่าทางพนักงานสอบสวนจะมีการออกหมายเรียกดารานักแสดง ล็อตแรก 7 คน ที่มีชื่ออาจถูกเชิญเข้าพบ คือ ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” แพทตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล ไอซ์ อภิษฎา เครือคงคา วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ พุฒิ-พุฒิชัย เกษตรสิน ม้า-พรชัย หรืออรนภา กฤษฎี ซึ่งพบว่าดารากลุ่มนี้เป็นพรีเซ็นเตอร์หลักสินค้าดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากพบว่ามีการกระทำความผิด ก็จะถูกดำเนินคดีในฐานความผิดที่เกี่ยวข้อง เข้าข่ายดังนี้ ความผิดตาม พรบ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 มาตรา 41 การโฆษณาเครื่องสำอางต้องไม่ใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือใช้ ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม วรรคสอง (1) ข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง ซึ่งมีอัตราโทษ ตามมาตรา 84 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และในฐานความผิด พรบ.อาหารและยา พ.ศ. 2522 มาตรา 40 ผู้ใดโฆษณาคุณประโยชน์คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหาร อันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร มีอัตราโทษตาม มาตรา 70 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือ ปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 41 โฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณ เพื่อประโยชน์ทางการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต มีอัตราโทษ ตามมาตรา 71 ปรับไม่เกินห้าพัน
