วันนี้ ( 18ก.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในขณะนี้บนโลกโซเชี่ยลและผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลกกำลังฮิตการใช้ 'FaceApp' แอปพลิเคชั่นจากรัสเซียที่สามารถแปลงใบหน้าจากหนุ่มๆสาวๆให้เป็นคนแก่ได้ในพริบตา ล่าสุดมีผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนแล้วว่าไม่ปลอดภัยและเสี่ยงถูกล้วงข้อมูลส่วนตัว โดย นายวิล สตราฟาช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) การ์เดียนไฟร์วอลล์ บริษัทด้านความปลอดภัยระบบปฏิบัติการในสหรัฐฯบอกว่ารูปที่ผู้ใช้เลือกให้แอพแต่งรูปจะถูกส่งไปยังระบบคลาวด์ เปิดช่องให้ถูกแฮกและขโมยไปใช้งานได้ต่อไป นโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปฯระบุว่า จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อการโฆษณาและปรับปรุงฟีเจอร์ใหม่ ๆ จะไม่นำไปขายให้แก่บุคคลที่สาม แต่มีข้อยกเว้นระบุว่าสามารถนำข้อมูลไปแบ่งปันหลังจากลบข้อมูลที่ระบุตัวตนผู้ใช้แล้วซึ่งเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยในข้่อมูลเป็นอย่างมาก
ขณะที่นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐได้ส่งจดหมายเรียกร้องให้สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) และคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) ดำเนินการสอบสวนเรื่องความมั่นคงแห่งชาติและความเป็นส่วนตัวของการใช้งาน FaceApp
นายชูเมอร์ระบุในจดหมายที่ส่งถึงนายคริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการ FBI และ นายโจ ไซมอนส์ ประธาน FTC ว่า แอปพลิเคชัน FaceApp บนสมาร์ทโฟนซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากสามารถปรับแต่งใบหน้าผู้ใช้ตามอายุต่างๆนั้น ได้กำหนดให้ทางแอปสามารถเข้าถึงภาพถ่ายและข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้แอปได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติและความเป็นส่วนตัวสำหรับพลเมืองสหรัฐหลายล้านราย
คณะกรรมการแห่งชาติด้านประชาธิปไตย (DNC) ยังได้ส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคในปี 2563 โดยเตือนเกี่ยวกับการใช้แอปดังกล่าว พร้อมทั้งระบุถึงที่มาของแอปที่พัฒนาขึ้นในรัสเซีย
สื่อต่างประเทศระบุว่า ในอีเมลของนายบ็อบ ลอร์ด หัวหน้าด้านความมั่นคงของ DNC นั้น เขาได้เรียกร้องให้คณะหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตทำการลบแอปพลิเคชันดังกล่าวในทันที หากพวกเขาหรือเจ้าหน้าที่ได้ใช้งานแอปดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่า FaceApp ได้ให้ข้อมูลของผู้ใช้กับรัฐบาลรัสเซีย
สมาชิกพรรคเดโมแครตได้สนับสนุนการป้องกันระบบไซเบอร์ของพรรค หลังจากสำนักข่าวกรองของสหรัฐได้ตัดสินว่า รัสเซียใช้วิธีการแฮกเพื่อพยายามพิ่มการสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 ซึ่งรัสเซียก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาโดยตลอด