หลายคนคงรู้วิธีการลดน้ำหนักกันเป็นอย่างดี แต่ละวิธีที่ได้รับรู้มานั้น บอกได้เลยว่าไม่มีผิด และไม่มีถูก แต่รู้หรือไม่ว่า 4 หลักการใหญ่ๆ ที่ควรฝึกให้ติดเป็นนิสัยเพื่อเป็นคนหุ่นดีแบบยั่งยืนมีอะไรบ้าง? วิธีการดังต่อไปนี้ไม่ยากและไม่ง่าย หากใครทำตามได้ก็เอาหุ่นดีติดตัวเป็นรางวัลกันไปเลย…
1. กินให้ดีก่อนไหม มีชัยไปกว่าครึ่ง
หลายคนเอาแต่ลดน้ำหนักโดยพุ่งเป้าไปที่การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว ออกกำลังให้หนัก (จะได้ผอมไวๆ) แล้วที่แย่ไปกว่านั้นคืออดอาหาร บอกได้เลยว่าผอมแน่ แต่! คงหมดกำลังใจก่อนผอม เพราะไหนจะต้องเหนื่อยจากการหักโหม หิวจากการอดอาหาร จนในที่สุดเมื่อเพื่อนๆ ตบะแตกขึ้นมา ทำให้กินมากกว่าเดิม ยิ่งลดยากเข้าไปอีก
ทางที่ดีไม่ควรอดอาหาร แต่ใช้วิธีเลือกกิน ท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า ‘ทอด มัน หวาน แตะให้น้อย!’ ไม่ได้ให้กินแต่อกไก่เหมือนนักเพาะกายเขาทำกันนะ เพียงแค่เลี่ยงอาหารที่ได้กล่าวมาก็เป็นอันว่าเพียงพอแล้วละ การเลือกกินทำให้เรากินอาหารได้จำนวนเยอะอีกด้วย เพราะอาหารเหล่านี้มีแคลอรีต่ำ และมีคุณประโยชน์มากกว่า ควรเน้นไปที่โปรตีนจากเนื้อ ปลา ไก่ ที่ต้ม นึ่ง ย่าง และเพิ่มการกินผักให้เยอะขึ้น รับรองว่าเมื่อไหร่ที่กินเป็นนิสัย ตัวจะเบาสบาย (จากภายใน) แน่นอน
ผู้หญิงหลายคนขอกินเค้กแค่ชิ้นเดียว กับน้ำหวานหนึ่งแก้ว แล้วยอมอดทั้งวัน ถามว่าผอมไหม? ตอบว่าอาจจะไม่อ้วน แต่ก็ไม่ได้ดูผอมสุขภาพดี เพราะในเค้กมีแต่แป้งกับน้ำตาลเป็นหลัก อิ่มก็ไม่อิ่ม แถมร่างกายยังไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นอีก เห็นไหมละว่าเรื่องกินนั้นสำคัญ
2. ออกกำลังกายให้ถูกวิธี…ดีต่อใจ
การออกกำลังกายนั้นแบ่งเป็น 2 หลักใหญ่ๆ คือ คาร์ดิโอ และเวทเทรนนิ่ง ซึ่ง 2 หลักนี้มีวิธีต่างกัน แต่จุดหมายปลายทางเหมือนกัน!
คาร์ดิโอ คือการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันโดยการขยับร่างกายอย่างต่อเนื่อง เช่นการเต้นแอโรบิก ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ วิ่ง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีความอึดขึ้น ทนขึ้น เป็นวิธีที่หลายคนเลือกใช้เพราะง่าย เริ่มที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้
เวทเทรนนิ่ง คือการใช้น้ำหนักเป็นตัวช่วยในการออกกำลัง ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักตัวของเราเอง หรือใช้แผ่นเหล็กที่เห็นกันตามยิม ซึ่งการออกกำลังกายโดยเวทเทรนนิ่งนั้นช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มีประสิทธิภาพมากกว่าคาร์ดิโอ เพราะหลังจากเวทเทรนนิ่ง ร่างกายของเราจะเผาผลาญต่อไปเรื่อยๆ และทำให้กล้ามเนื้อกระชับ ได้สัดส่วนแบบเป๊ะเว่อร์!
การลดน้ำหนักให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดต้องควบคู่กันไป ทั้งคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีแล้ว เรายังจะมีร่างกายที่แข็งแรงและอึดขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญคือ ไม่เบื่อและถอดใจไปเสียก่อน เช่น เวทเทรนนิ่ง 3 วันต่อสัปดาห์ สลับกับคาร์ดิโอ 2 วัน หรือเวทเทรนนิ่งก่อน แล้วค่อยคาร์ดิโอเบาๆ ปิดท้ายหลังเวทเทรนนิ่ง 4 วันต่อสัปดาห์
3. พักผ่อนเยอะๆ เถอะคนดี
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ได้เป็นปกติ เลปตินเป็นฮอร์โมนที่ทำให้สมองระงับความหิวโหย ก็หลับไปแล้วนิ…จะหิวได้อย่างไร! ใช่แล้ว… เมื่อเราเข้านอนเร็วและตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอนั้นมีผลดีคือ ไม่ต้องแอบตื่นมาตอนดึกแล้วนำตัวเองไปพบกับตู้เย็นที่มีของกินล่อตาล่อใจมากมาย… นี่ละ ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้สาวๆ ลดน้ำหนักได้ยาก
อีกหนึ่งข้อดีของการนอนหลับแบบเต็มอิ่ม คือทำให้โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทำงานอย่างเต็มที่ และเมื่อเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโกรทฮอร์โมน ที่ทำหน้าที่ซ่อมแซมเนื้อเยื่อและระบบเผาผลาญให้ดียิ่งขึ้น เห็นไหมล่ะ…ใครว่าการนอนไม่สำคัญต่อการลดน้ำหนัก ต้องเปลี่ยนวิธีคิดให้ไวเลยนะ
4. ตั้งเป้าหมายสู่ความสำเร็จ
ข้อสุดท้ายนี่ถือว่าสำคัญที่สุด หากเราไม่มีเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนักไปเพื่ออะไร ก็อาจหมดไฟกลางคันจนล้มเลิกที่จะมีหุ่นดีๆ ไปในที่สุด แต่ถ้ามีเป้าหมายที่ชัดเจนเท่าไหร่ เราจะมีวินัยมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งตัววินัยนี่ละที่เป็นเส้นคั่นบางๆ ระหว่างคำว่า ‘ล้มเหลว’ กับ ‘สำเร็จ’
ก่อนจะลดน้ำหนักแบบจริงจัง ควรมีเป้าหมายก่อน เป้าหมายคือแรงผลักดันที่ทำให้เราไม่ล้มเลิกง่ายๆ ไม่ว่าจะเหนื่อย หรือท้อสักเพียงใด เราก็ต้องผ่านมันไปให้จนได้ การเป็นคนหุ่นดีไม่เพียงทำให้เรามั่นใจในตัวเองเท่านั้น แต่ยังสุขภาพดีไปถึงข้างใน ร่างกายห่างไกลจากโรคภัยต่างๆ ดูกระฉับกระเฉง โอ้ย…คือดีไปหมดอ่ะ มาลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพที่ดีกันเถอะ
ท้ายที่สุดไม่ว่าเราจะลดน้ำหนักไปเพื่ออะไร จุดหมายปลายทางก็คือ ‘สุขภาพที่ดี’ ซึ่งมีคำกล่าวว่า “สุขภาพคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” มีสุขภาพดีก็มีชัย (ในชีวิต) ไปกว่าครึ่ง อย่ามัวแต่หาเวลาเพื่อออกกำลังกาย เริ่มเลย! นี่คือเวลาที่ดีที่สุด!
