โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ลดดอกเบี้ย ลูกหนี้โปะต้นลดดอก เศรษฐีเสี่ยงดวง “ลงทุนนอก-เล่นทองดอลลาร์”

Businesstoday

เผยแพร่ 22 พ.ย. 2562 เวลา 01.14 น. • Businesstoday
ลดดอกเบี้ย ลูกหนี้โปะต้นลดดอก เศรษฐีเสี่ยงดวง “ลงทุนนอก-เล่นทองดอลลาร์”

มาตามนัด5 แบงก์พาณิชย์ใหญ่“ไทยพาณิชย์-กสิกรไทย-กรุงเทพ-กรุงไทย” และ แบงก์รัฐ“ออมสิน และ ธอส” พาเหรด ลดดอกเบี้ย เงินกู้กัน ส่วนใหญ่ลดดอกเบี้ยกู้MLR สำหรับลูกค้ารายใหญ่ ส่วนดอกเบี้ยฝากบางแบงก์ก็ลดทันที บางแบงก์ยังไม่ลด การปรับลดดอกเบี้ยในตลาดเงินที่เกิดขึ้น ล้อไปตามกระแสสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ทิ้งทวนปลายปี2562

ทั้งนี้  เมื่อวันที่6 พ.ย. 62 ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)หรือแบงก์ชาติ มีมติ5 เสียงต่อ2 เสียง ลดดอกเบี้ย0.25% เหลืออยู่ที่1.25% ซึ่งเท่ากับระดับตำ่สุดที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี2551-2552 ที่เกิดวิกฤตสินเชื่อซัพไพร์ม หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และอีกช่วงก่อนหน้านั้นคือ ปี2546-2547

ผลของการลดดอกเบี้ยคนที่เป็นลูกหนี้จะได้ประโยชน์  โดยเฉพาะลูกหนี้รายย่อยที่กู้ซื้อบ้าน แน่นอนภาระจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง และถือเปฌนจังหวะดีในการโปะจ่ายเงินต้นด้วย เพราะจะทำให้ยอดหนี้ลดเร็วกว่าจากชำระรายงวดตามปกติ ในส่วนของลูกหนี้ภาคธุรกิจก็จะมีต้นทุนทางการเงิน“ต่ำ”ลง  ซึ่งหนุนให้สภาพคล่องเพิ่มขึ้น

ด้านผู้เงินฝาก  แน่นอนว่าจะมีรายได้จากดอกเบี้ยฝากประจำลดลง แต่ไม่ต้องกังวลนักเพราะแบงก์ก็เตรียมออกผลิตภัณฑ์“เงินฝาก(ดอกเบี้ย)พิเศษ” มาเป็นทางเลือก เพื่อรักษาฐานลูกค้าไม่ให้หายไป

ส่วนใครที่ลงทุนพันธบัตรรัฐบาล หากเป็นประชาชนทั่วไป มักจะถือจนครบอายุจะได้รับดอกเบี้ยเต็มตามหน้าตั๋ว  เแต่หากเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุน อาจได้รับผลกระทบบ้างเนื่องจากเส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลในตลาดตราสารหนี้ไทยมีการปรับตัวตามดอกเบี้ยนโยบาย

ข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย พบว่า  เส้นอัตราผลตอบแทน(Yield Curve)ของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น มีการปรับตัวลดลงตามดอกเบี้ยนโยบาย โดยช่วงวันที่  6-8 พ.ย. 2562 เส้นผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุต่ำกว่า3 ปี ปรับตัวลดลงราว2-3 bps หรือเทียบเท่ากับ0.02-0.03% และพันธบัตร อายุตั้ง4 ปีขึ้นไป ปรับตัวขึ้นราว7 bps หรือ0.07% รอบนี้เห็นการปรับตัวขึ้นของพันธบัตรระยะยาว สะท้อนถึงมุมมองนักลงทุนในตลาดมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในระยะยาวดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้  ประกอบกับเป็นช่วงที่สงครามการค้าสหรัฐ-จีนคลี่คลายลง หลังจากที่มีการเจรจาตกลงกันในช่วงตลอดเดือนพ.ย. นี้  จึงทำให้นักลงทุนถือพันธบัตรระยะยาวขึ้น

ทั้งนี้ หลังกนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย วันที่6 พ.ย. 2562  พบว่า ช่วง2 วันถัดมาYield Curve ของพันธบัตรรัฐบาล อายุ2 ปี ณ8 พ.ย. อยู่ที่1.33%ลดลงจาก5 พ.ย. ที่อยู่ระดับ1.35% ส่วนYield Curve)ของพันธบัตรรัฐบาลอายุ10 ปีปรับขึ้นมาอยู่ที่1.69% จาก1.58% ปรับขึ้นมาสูง11bps หรือ0.11%

มาดูเรื่องผลจากธปท. ผ่อนคลายเกณฑ์และขยายวงเงินสำหรับคนไทยและผู้ส่งออก สามารถนำเงินออกไปนอกประเทศได้เสรีขึ้น  เพื่อแก้ปัญหาภาวะเงินบาทแข็งค่า  ดังนี้

ส่วนแรก จะเป็นการชะลอไม่ให้เงินดอลลาร์ เข้ามาประเทศ ด้วยการเปิดให้ผู้ส่งออก สามารถพักดอลลาร์ที่เป็นรายได้จากการส่งออสินค้า ไว้นอกประเทศได้ โดยเพิ่มเป็น2 แสนดอลลาร์ และในอีก3 เดือนข้างหน้าจะเพิ่มเป็น1 ล้านดอลลาร์ จากเดิมวงเงิน5 หมื่นดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งครั้งนี้ ธปท.เปิดให้บริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนได้สะดวกคล่องตัว หากเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนเหมาะสมแล้วค่อยนำกลับเข้ามาประเทศ  รวมทั้งเปิดให้สามารถหักกลบค่าใช้จ่ายในต่างประเทศได้ เมื่อเหลือสุทธิ จึงนำกลับเข้าประเทศด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออกไม่ต้องรีบนำดอลลาร์เข้ามาเพื่อแลกเงินบาท น่าจะช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้

ส่วนที่สองจะเป็นการผลักดันให้เงินไหลออกไปนอกประเทศ  ด้วยการเปิดทางให้ประชาชน นักลงทุนไทย สามารถโอนเงินออกนอกประเทศได้เสรีมากขึ้น  ประกอบด้วย

1 เปิดให้คนไทยสามารถโอนเงินออกนอกประเทศได้ทุกวัตถุประสงค์  เช่น ส่งเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ลูกหลานเรียนอยู่เมืองนอก แต่ยกเว้นบางธุรกรรมที่ต้องขออนุญาตธปท.รวมถึงโอนเงินซื้ออสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือเช่าเพื่อตัวเอง คนในครอบครัว ภายในวงเงินปีละ50 ล้านดอลลาร์  ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้เศรษฐีไทยมากยิ่งขึ้น

2 ขยายวงเงินให้นักลงทุนรายย่อยในไทย ไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้เองไม่เกินปีละ200,000 ดอลลาร์ จากเมื่อก่อนจะต้องลงทุนผ่านตัวกลางในประเทศ  และยังเพิ่มวงเงินรวม

สำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ที่จัดสรรให้แก่นักลงทุนที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เป็น1.5 แสนล้านดอลลาร์ จากเดิม1 แสนล้านดอลลาร์

ส่วนใหญ่นักลงทุนกลุ่มนี้มีจำนวนน้อยที่ออกไปลงทุนเองโดยตรง และกลุ่มนักลงทุนรายย่อยเลือกจะลงทุนผ่าน

กองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ(FIF) เพราะคนที่จะออกไปลงทุนต่างประเทศได้ อย่างน้อยต้องมีความรู้เกี่ยวกับหลักทรัพย์ต่างๆที่เข้าไปลงทุนและเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ที่สำคัญต้องพร้อมยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นที่อยู่นอกประเทศ เพราะคุณอาจจะรู้ข่าวหรือเหตุการณ์ต่างๆช้ากว่า และไม่สามารถถอยหรือถอนตัวได้ง่ายเร็วเหมือนลงทุนในประเทศ

3 เปิดให้คนไทยสามารถซื้อทองคำสกุลดอลลาร์ในประเทศได้แล้ว จากเดิมจะซื้อขายทองคำเป็นเงินบาท ซึ่งเวลาคำนวณราคาทองคำรูปเงินบาท จะต้องแปลงค่าเงินสกุลดอลลาร์ด้วย

โดยสถานการณ์ปัจจุบันราคาทองโลกปรับตัวขึ้นสูง แต่ผลพวงของค่าเงินบาทแข็ง ส่งผลต่อราคาทองในไทย ปรับตัวขึ้นได้ไม่เท่ากับทองโลก

อย่างไรก็ตาม นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีความคิดเห็นว่า  ส่วนใหญ่คนไทยถนัดซื้อขายทองคำในรูปเงินบาทมากกว่า แต่ก็มีเพียงกลุ่มน้อยที่มีการซื้อขายทองคำสกุลดอลลาร์ในต่างประเทศอยู่แล้ว อาจจะมาเทรดในไทยก็มีความเป็นไปได้  ซึ่งกลุ่มนี้มีการบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ( FCD )ไว้อยู่แล้วเพื่อรองรับเงินตราต่างประเทศที่ใช้ในซื้อขายด้วย ดังนั้น การเปิดเทรดทองสกุลดอลลาร์ในไทย  จะช่วยเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนี้

สำหรับคนไทยเล่นทองสกุลเงินบาท กันมากกว่า เพราะผู้ค้าทองจะคำนวณราคามาให้เรียบร้อย ดังนั้นผู้เล่นจะมีความสะดวกคล่องตัวในการซื้อขาย โดยไม่ต้องมาพะวงว่า ค่าเงินบาทจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร และกระทบการทำกำไรราคาทองไทยเท่าไหร่ รวมถึงไม่ต้องเปิดบัญชีFCD ซึ่งต้องคอยบริหารอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละช่วงเวลาด้วย

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี2562 ถึงปัจจุบัน ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นประมาณ14% ราคาทองคำในไทย ได้รับผลกระทบเงินบาทแข็งค่าราว7% โดยปัจจุบันราคาทองคำโลก เคลื่อนไหวบริเวณ1,465 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเพิ่งปรับตัวลงมา เนื่องจากจีนและสหรัฐมีการเจรจาที่ดีขึ้น ช่วยลดความกังวลเรื่องสงครามการค้า ส่วนราคาทองในไทย ประมาณ21,000บาทต่อน้ำหนักบาท ณ วันที่11 พ.ย.ที่ผ่านมา

“การเปิดให้สามารถซื้อขายทองคำสกุลดอลลาร์ในไทย คงต้องให้เวลาในการปรับตัวระยะหนึ่ง หรือไม่ตำ่กว่า6 เดือน ที่จะค่อยๆเห็นเริ่มเห็นทิศทางคนหันมาเล่นทองสกุลดอลลาร์ อย่างไรบ้าง แต่โดยภาพรวมคนไทยในประเทศจะชินกับการเล่นทองสกุลเงินบาทมากกว่า  ถึงแม้ว่า เรื่องค่าเงินบาทแข็งจะกดราคาทองในไทยก็ตาม  ในระยะสั้นนี้พฤติกรรมคนเล่นทองในไทย คงยังไม่เปลี่ยนไปซื้อขายทองสกุลดอลลาร์กันในช่วง6 เดือนนี้ ยิ่งมีเรื่องจะต้องไปเปิดบัญชีFCD ด้วย เขาเล่นทองราคาบาทดีกว่า”นางพวรรณ์กล่าว

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทหลังจาก ธปท. ออกมาตรการผ่อนคลายให้นำเงินออกไปต่างประเทศได้สะดวกขึ้น พบว่า เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าทรงตัวในกรอบ30.30 -30.43 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับช่วงก่อนออกมาตรการดังกล่าว เงินบาทแข็งค่าอยู่ระดับ30.16/19 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้เงินบาทอ่อนค่าแล้ว แต่ยังคงเป็นแชมป์ค่าเงินที่แข็งสุดในภูมิภาคเอเซีย  ขณะที่ค่าเงินของสกุลเพื่อนบ้านรอบๆไทย มีทิศทางอ่อนค่ากัน

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี2562 ถึงปัจจุบัน ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่า7% จากสิ้นปี2561 ค่าเงินบาทปิดอยู่ที่ราว32.55 บาทต่อดอลลาร์

แนวโน้มค่าเงินบาท ในระยะสั้นอ่อนค่าลง แต่ในระยะยาว นักค้าเงินคาดการณ์กันไปว่าจะเห็นค่าเงินบาทตำระกับ29 บาทต่อดอลลาร์ในปีหน้า

หากค่าเงินบาทเคลื่อนไหวเป็นตามที่คาดกัน  สำหรับผู้ที่จะออกไปลงทุนต่างประเทศ คงต้องมีความรู้ความเข้าใจและความกล้าที่พร้อมจะรับมือกับความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน นอกเหนือจากที่มีความเสี่ยงหลักจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าจีนและสหรัฐที่พร้อมจะพลิกได้ทุกเวลา และเศรษฐกิจโลกรวมถึงประเทศใหญ่ๆ ที่อยู่ระดับชะลอตัวจนถึงระดับถดถอย และอาจมีความเสี่ยงใหม่ๆเกิดขึ้นในปีหน้าได้เสมอ

การที่ธปท. เปิดทางให้ออกไปลงทุนต่างประเทศง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เส้นทางการลงทุนจะง่ายคล่องตัวและสดใส  กลับเป็นว่ายิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากกว่าเดิม ซึ่ฝต้องติดตามสถานการณ์รอบด้านอย่างใกล้ชิด เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยงทั้งนั้น

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : จับช่องเล่น ทองคำ ขาขึ้น “ทองแท่ง-กองทุนทอง-ETFทอง”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0