โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“บลจ.ทิสโก้”...ส่ง ‘กอง TUSMS’ ลุยหุ้นกลาง-เล็กสหรัฐ ขาย IPO 1 – 10 มิ.ย. นี้

Wealthy Thai

อัพเดต 05 ส.ค. 2566 เวลา 03.24 น. • เผยแพร่ 01 มิ.ย. 2564 เวลา 11.45 น.

“บลจ.ทิสโก้…เฟ้นหาหุ้นกลาง-เล็กในตลาดหุ้นสหรัฐที่เตรียมเป็นดาวดวงใหม่ ส่ง ‘กอง TUSMS’ ด้วย 3 กลยุทธ์การเลือกหุ้น คือ เน้นหุ้นที่รายได้มีแนวโน้มเติบโตสูงรับเศรษฐกิจฟื้น หุ้นงบการเงินแกร่ง และหุ้นที่มีข่าวการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เปิด IPO 1-10 มิ.ย. 21 นี้
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่ากองทุนหุ้นสหรัฐในอุตสาหกรรมกองทุนของไทยส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ แต่หุ้นที่มีศักยภาพและมีอัตราการเติบโตสูง รวมถึงหุ้นที่มักจะมีข่าวดีส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ดังนั้น เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี บริษัทจึงเปิดเสนอขาย ‘กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส Mid/Small Cap อิควิตี้ (TUSMS)’ ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) กองทุนรวมตราสารทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน ‘Granahan US SMID Select FUND ชนิดหน่วยลงทุน A (Acc) – USD’ (กองทุนหลัก) มีนโยบายลงทุนหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขนาดกลางและเล็ก (“SMID Cap”) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และจัดตั้งในสหรัฐ หรือดำเนินธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับสหรัฐ ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) 1-10 มิ.ย. 21

(นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ)

“จุดเด่นของกองทุน TUSMS คือ ผู้จัดการกองทุนหลักซึ่งมีประสบการณ์การลงทุนในหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กของสหรัฐกว่า 22 ปี จะลงไปวิเคราะห์และพูดคุยกับผู้บริหารในแต่ละบริษัทที่เป็นเป้าหมายการลงทุนด้วยตัวเอง เพื่อค้นหาหุ้นที่เป็นเพชรน้ำงามที่นักวิเคราะห์ทั่วไปอาจยังเข้าไม่ถึงข้อมูล ดังนั้น ผู้จัดการกองทุนจึงมีโอกาสใกล้ชิดและทราบถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของบริษัทในเชิงลึก รวมถึงมีโอกาสเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่ราคายังไม่ปรับเพิ่มขึ้นไปมากนัก”
นอกจากนี้ กลยุทธ์การเลือกหุ้นเข้าพอร์ตการลงทุนก็น่าสนใจ โดยมี 3 กลยุทธ์หลักในการเลือกหุ้น คือ 1. หุ้นที่มีคุณภาพ มีรายได้สม่ำเสมอ และมีงบการเงินแข็งแกร่ง โดยหุ้นกลุ่มนี้จะถือลงทุนประมาณ 1-7 ปี 2. หุ้นที่มีนวัตกรรมที่โดดเด่น สามารถรุกตลาดใหม่ๆ ได้ แม้ว่าจะยังไม่มีกำไร แต่มีโอกาสเติบโตสูง โดยหุ้นกลุ่มนี้จะถือลงทุนประมาณ 1-10 ปี และ 3. หุ้นที่มีจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งในเชิงการผลิตสินค้าและบริการ การตลาด เปลี่ยนการบริหารจัดการ เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ รวมถึงหุ้นที่มีการควบรวมกิจการ โดยหุ้นกลุ่มนี้จะถือลงทุนประมาณ 1-3 ปี
สำหรับตัวอย่างบริษัทที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน เช่น Stamps ผู้ให้บริการส่งไปรษณีย์และบริการขนส่งทางอินเทอร์เน็ต บริษัทนี้มีจุดเด่นที่มีรายได้สม่ำเสมอจากค่าสมัครรายเดือนของลูกค้า และมีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากมีส่วนแบ่งการตลาดที่ยังไม่สูงนัก นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้เติบโตดี โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2010-2020) รายได้เติบโตเฉลี่ย 24% ต่อปี บริษัทไม่มีการก่อหนี้ระยะยาว ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2545 ได้จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นไปแล้วกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และล่าสุดมีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศมากขึ้น (ที่มา: Company Investor Presention)
อีกหนึ่งบริษัทตัวอย่าง คือ Western Digital ผู้นำด้านการจัดเก็บข้อมูล มีความโดดเด่นตรงที่มีรายได้จากหลากหลายธุรกิจ โดยในช่วงของ COVID -19 แพร่ระบาด กลุ่มธุรกิจ Client Devices และ Client Solutions ขยายตัวได้ดี ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Data Center ก็เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว ด้านผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวหลังจากเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ และยังได้ร่วมมือกับ Kioxia ผู้ผลิต Chip รายใหญ่ของโลก ซึ่งจะทำให้ Western Digital สามารถแข่งขันกับคู่แข่งทางการค้ารายใหญ่ได้ และกลายเป็น Supplier รายใหญ่ที่สุดในโลกในที่สุด (ที่มา: Company Investor Relation, Statista)
ทั้งนี้ กองทุนเปิด TUSMS อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0