โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ลงทุนหุ้นดีกว่าเล่นหวย! ตลาดหลักทรัพย์เปิดข้อมูลเทียบความเสี่ยง

ไทยรัฐออนไลน์ - Economics

เผยแพร่ 08 พ.ย. 2560 เวลา 03.10 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ตลาดหลักทรัพย์ ชี้ลงทุนหุ้นดีกว่าเล่นหวย เปิดข้อมูลสถิติสู้ พบเล่นหุ้นระยะยาวได้กำไรงาม-เล่นหวยได้เสียวแต่เสี่ยงเจ๊ง สมาคมโบรกฯชี้เงินออมทะลุเข้าตลาดหุ้นแสนล้านเพื่อหาผลตอบแทนสูงกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้ศึกษาผลตอบแทนของความแตกต่างระหว่างผู้ที่ลงทุนในหุ้นกับผู้ที่เล่นหวย เพื่อจูงใจให้คนไทยหันมาออมเงินหรือลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อสร้างผลตอนแทนในอนาคตมากขึ้น โดยพบว่าผู้เล่นหวยมีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 มีแค่ 1 ในล้าน และมีโอกาสถูกรางวัลอื่นๆเพียงแค่ 1% แต่ส่วนใหญ่นักเสี่ยงโชคมักจะขาดทุน ต่างจากผู้ลงทุนในตลาดหุ้น หากขยันศึกษาหาข้อมูลและวิเคราะห์หุ้นได้ กำหนดกลยุทธ์การลงทุนเป็น และที่สำคัญคือมีการลงทุนอย่างมีวินัย ก็จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นได้ ทั้งจากกำไรจากการซื้อขายหุ้นและผลตอบแทนจากเงินปันผล

ทั้งนี้ หากพิจารณาการซื้อเลขท้าย 2 ตัว พบว่าหากซื้อเลขเดียวกันทุกงวด ในเลขที่มีสถิติออกบ่อยมากที่สุดถึง 11 งวด ในช่วงตลอด 20 ปี หรือตั้งแต่งวดวันที่ 16 ต.ค.40 จะใช้เงินลงทุน 38,400 บาท โดยจะได้รับรางวัลรวม 22,000 บาท เท่ากับขาดทุน 16,400 บาท หรือขาดทุน 43% ขณะที่หากลงทุนในหุ้นเพียงเดือนละ 160 บาท หรือในช่วง 20 ปี ที่จะมีการใช้เงินลงทุนเท่ากันคือ 38,400 บาท จะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 8% หรือเงินลงทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น 87,863 บาท หรือได้กำไร 49,463 ล้านบาท

“ดังนั้น ความแตกต่างของการเล่นหุ้น หากศึกษาข้อมูลให้ดีและมีการลงทุนในระยะยาว มีโอกาสสูงที่จะมีกำไร แต่ขึ้นอยู่กับความขยันในการศึกษาหาข้อมูลและวิเคราะห์หุ้นและระยะเวลาในการลงทุน เพราะส่วนใหญ่การลงทุนในหุ้นก็จะสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้ โดยปัจจุบันมีนักลงทุนในตลาดหุ้นไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนแล้ว ส่วนการเล่นหวย ซึ่งเป็นการเสี่ยงโชค จะขึ้นอยู่กับดวงแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่เล่นเพื่อสนุกที่ได้มีโอกาสลุ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนสูงมาก”

ด้านนางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ฝากเงินจากสถาบันการเงิน นำเงินส่วนหนึ่งเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนและลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น คิดเป็นเงินไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในอัตราที่ต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้มีนักลงทุนจำนวนมากเริ่มตระหนักเห็นความสำคัญของการออมเงินและการลงทุนในตลาดหุ้นและในกองทุนรวม จึงเลือกโยกเงินฝากมากกว่าแสนล้านบาท ออกมาหาผลตอบแทนที่สูงกว่าการทิ้งเงินไว้ในบัญชีเงินฝาก เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังผลตอบแทนมากกว่า 4-5%

“ตอนนี้ไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุอย่างเดียวที่มีการโยกเงินออมมาลงทุนในหุ้นโดยตรงหรือผ่านกองทุน เพื่อรับผลตอบแทนที่สูง แต่พบว่ากลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่รวมทั้งนักศึกษาก็มีความสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีข้อมูลสถิติจากหลายหน่วยงานทางการชี้ว่าคนไทย มีเงินออมที่ไม่พอใช้จ่ายในยามเกษียณ โดยเกิดจากการเริ่มต้นออมเงินช้า และออมเงินในจำนวนที่ไม่มากพอจนทำให้เมื่อถึงวัยเกษียณแล้ว มีเงินไม่พอจับจ่ายใช้สอยเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนั้น จึงมีความพยายามรณรงค์กระตุ้นให้คนไทยมีความตระหนักและเห็นความสำคัญในการออมเงินและนำเงินที่ออมไว้ไปลงทุนเพื่อให้เกิดผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ทั้งการลงทุนในตลาดหุ้น ลงทุนในกองทุนรวมต่างๆหรือลงทุนในทองคำ อสังหาริมทรัพย์ นอกเหนือจากการฝากเงิน ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นหากเป็นการลงทุนในระยะยาวมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้นและแน่นอนว่าดีกว่าการนำเงินไปเล่นหวย ที่มีความเสี่ยงในการขาดทุนมากกว่ามาก.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0