โรงเรียนดังชุมพร ชี้แจงดราม่า หลังเพจดังเผยภาพแบบทดสอบเด็กที่ตอบถูก แต่ครูตรวจผิดหลายข้อ ยันไม่ใช่แบบทดสอบของโรงเรียน ที่ผ่านมาไม่เคยใช้ข้อสอบดังกล่าวทดสอบเด็ก
จากกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก “ล่า” โพสต์ภาพแบบทดสอบของเด็กนักเรียน พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า เด็กนักเรียนตอบถูก แต่ครูตรวจให้เป็นคำตอบที่ผิดหลายข้อ จนมีผู้มาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ต่อมาทางเพจล่า ได้โพสต์ยืนยัน ว่าแบบทดสอบเป็นของโรงเรียนดังจริง เนื่องจากมีครูมาชี้แจงว่าครูคนที่ออกแบบทดสอบดังกล่าวไปบรรจุที่อื่นแล้ว และแบบทดสอบไม่มีผลต่อการวัดผลเลื่อนชั้น เพราะเป็นแค่แบบทดสอบที่ติวให้กับเด็กนักเรียนเพื่อเตรียมพร้อมในการสอบ
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวช่องวัน 31 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว พบว่า เป็นโรงเรียนขนาดกลาง เปิดสอนตั้งแต่อนุบาล 1 ถึงชั้นมัยมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนทั้งหมด 350 คน ด้านรักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากโรงเรียนยังไม่เคยใช้ข้อสอบดังกล่าว วันที่เพจอ้างถึงคือวันปฐมนิเทศ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 พ.ค. ซึ่งเป็นการปรับพื้นฐานเบื้องต้นเท่านั้นไม่มีการให้เด็กสอบข้อเขียนอะไร อีกทั้งโรงเรียนแห่งนี้ยังเป็นโรงเรียนที่เปิดโอกาสให้เด็กในพื้นที่ได้เข้าเรียนแบบทั่วถึง ไม่มีการสอบแข่งขัน จึงไม่จำเป็นต้องนำข้อสอบมาใช้วัดพื้นฐานเด็ก
โดยข้อสอบดังกล่าวเป็นข้อสอบแบบที่ใช้ประเมินความสามารถในการอ่านของเด็ก ที่ใช้ในระดับชั้น ป. 1 ถึง ป. 3 ซึ่งแบบทดสอบจะส่งมาจากกรมหรือส่วนกลาง ทางโรงเรียนจะไปรับที่เขตพื้นที่การศึกษาเพื่อนำมาสอบ และจะใช้ในเทอมที่ 2 ของภาคเรียน ยืนยันว่าทางโรงเรียนไม่เคยนำมาใช้กับเด็ก และที่สำคัญคือในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการปฐมนิเทศในระดับเลื่อนชั้น แบบ ป.1 เข้า ป.2 ไม่ได้เป็นการเลื่อนชั้นเข้าใหม่ แบบเข้าเรียน ป.1 เข้าเรียน ม.1 หรือเข้าเรียน ม.4 ที่มีการจัดปฐมนิเทศกัน
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า เป็นแบบทดสอบที่มาจากการสอนพิเศษหรือไม่นั้น ทางโรงเรียนชี้แจงว่าจะมีการสอนพิเศษหรือติวเป็นครั้งคราวตามความเหมาะสม แต่ส่วนใหญ่จะสอนพิเศษในช่วงเย็นของวันปกติ บางครั้งก็อาจจะนัดผู้ปกครองในช่วงที่เขาว่างสะดวกให้พาเด็กนักเรียนมาเรียนพิเศษในวันหยุด ส่วนข้อมูลตามที่เพจล่า เอาไปลงว่าเป็นการสอนพิเศษของโรงเรียนก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ปริ้นท์แบบทดสอบดังกล่าว แล้วนำไปอ่านให้เด็กนักเรียนชั้น ป.2 ซึ่งมีเด็กนักเรียน 32 คน ขณะกำลังเรียนวิชาภาษาไทยอยู่ในชั้นเรียนอยู่พอดี โดยเด็กนักเรียนต่างตอบว่าไม่เคยเห็นและสอบข้อสอบดังกล่าวเลย
