ความฮือฮาครั้งนี้เกิดจาก เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ในงาน Samsung Galaxy A8 ที่ประเทศจีน Leo Lau ผู้จัดการอาวุโสด้านการตลาดดิจิทัลของ Samsung Electronics ประเทศจีน ได้แนะนำพันธมิตรทางธุรกิจคนใหม่ให้แฟนๆ ซัมซุงได้รู้จัก นั่นก็คือ Supreme Italia (ปลอม) ประกาศชัดขนาดนี้ ทำเอาหลายคนที่ได้ถึงกับงง เพราะ Supreme Italia มันเป็นของปลอมไม่ใช่หรือ?
Supreme Italia (ปลอม) คืออะไร
ขอเล่าประวัติการต่อสู้เรื่องเครื่องหมายทางการค้าคร่าวๆ คือ ในปี พ.ศ. 2558 บริษัทที่ชื่อ Trade Direct Srl (TDS) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาที่สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าอิตาลี เพื่อจดทะเบียนแบรนด์ Supreme Italia (ของปลอม) ต่อมาในปี 2016 แบรนด์ Supreme Italia ถูกนำขึ้นสู่ศาลโดย Supreme New York (ของแท้) เจ้าของเดิมชี้ว่าแบรนด์ที่ขายอยู่ในอิตาลีน่ะของปลอม ละเมิดตราการค้า รวมถึงสินค้าของแบบดั้งเดิมด้วย จากผลการตัดสินของศาล สินค้าของ Supreme Italia จำนวน 120 แบบ ห้ามวางขายในตลาด และจ่ายค่าปรับตามกฎหมายสูงสุดกว่า 5,500 ยูโร แต่ถึงอย่างนั้น Supreme Italia ยังสามารถขายสินค้าและส่งออกสินค้าที่ไม่โดนศาลสั่งห้ามได้
ด้าน Supreme New York ออกมาแถลงว่า บริษัทของตนไม่ได้เป็นพันธมิตรกับทาง Samsung แต่อย่างใด และไม่มีแผนจะเปิดตัวในจีนหรือเข้าร่วมในงานแสดงแฟชั่นเมอร์เซเดส – เบนซ์ อีกด้วย
ทำไม Samsung เลือก Supreme (ปลอม)
ไม่นานหลังจากคำแถลงการณ์ของ Supreme New York เปิดสู่สาธารณะ นาย Lau จากฝั่ง Samsung ก็ออกมาโต้ตอบทันที ระบุว่า “เรากำลังจะจับมือร่วมกับ Supreme Italia ไม่ใช่ Supreme New York เพราะแบรนด์ดั้งเดิมไม่มีสิทธิ์ขายสินค้าในประเทศจีน รวมถึงอิตาลีด้วย ซึ่งแบรนด์จากอิตาลีได้รับการยอมรับการขายผลิตภัณฑ์ในเอเชีย – แปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น)”
จากการตอบกลับดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า Samsung รู้อยู่แล้วว่า Supreme Italia ไม่ใช่ของแท้ แต่ที่เลือกเพราะสามารถขายสินค้าในจีนได้ รวมถึงในเอเชีย – แปซิฟิกด้วย ซึ่งของแท้อาจจะมีข้อจำกัดในการขายสินค้าในบางประเทศ ที่ Samsung หวังตีตลาด จึงไม่เลือกของแท้
อย่างไรก็ตามหลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของทาง Samsung ที่ควรใส่ใจเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์มากกว่านี้ ลามไปถึงประเทศจีนที่มีกรอบความคิดรู้สึกเห็นดีเห็นชอบกับการขายและผลิตสินค้าปลอม ซึ่งไม่ควรจะมี
ที่มา : bgr.com, theverge.com, slashgear.com
อ่านบทความทั้งหมด ที่ MarketingOops.com
