โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ดูดวง

รู้ชีวิต...ด้วยดวงดาว / "ศ. ดุสิต"/เรื่องเล็กที่ต้องรู้ในวิชาพยากรณ์ ระบบโหราศาสตร์

มติชนสุดสัปดาห์

เผยแพร่ 22 มิ.ย. 2561 เวลา 02.11 น.
รู้ชีวิต...ด้วยดวงดาว

รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว /“ศ. ดุสิต”

 

อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น!

เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด ‘คลังโหร’

 

เรื่องเล็กที่ต้องรู้ในวิชาพยากรณ์

ระบบโหราศาสตร์

 

วิชาพยากรณ์ด้วยระบบโหราศาสตร์นั้น เรารู้กันอยู่แล้วว่าระบบนี้ใช้ดวงดาวและจักรราศีเป็นตัวหลัก และดาวซึ่งปัจจุบันนี้ใช้กันอยู่สิบดวง คือตั้งแต่ดาว ๑ ถึงดาว ๐ การพยากรณ์ก็ใช้ความหมายของดาวกับภพบวกด้วยความหมายของราศีบ้างหรือความหมายของดาวประจำราศีบ้าง ประยุกต์กันแล้วออกเป็นคำพยากรณ์

ดังนั้น นักศึกษาวิชาโหราศาสตร์จึงต้องพยายามเข้าใจถึงความหมายของดาวและภพให้มากที่สุด เพื่อจะทำให้เรา (คือผู้พยากรณ์นี่แหละ) สามารถจะทำนายได้ทุกเรื่อง

แต่วิชานี้เป็นวิชาที่ละเอียดลึกซึ้งมาก และเป็นวิชาที่สามารถทำนายได้มากเรื่องกว่าระบบพยากรณ์อื่นๆ ด้วย โดยใช้ดาวสิบดวงกับจักรราศีเท่านั้นเป็นตัวหลัก ไม่มีเครื่องมืออื่นใดมาช่วยในการพยากรณ์เลย

ผมจึงบอกว่าผู้ที่ศึกษาวิชานี้จึงต้องเป็นผู้ที่มีความอดทนในการศึกษา และต้องเป็นผู้ที่ “จริงจัง” ในการศึกษาด้วยจึงจะผ่านการศึกษาขึ้นเป็น “โหร” ได้

ศึกษาจริงจังนั้น ศึกษาจากอะไรล่ะ? ไม่เห็นมีอย่างอื่นอีกเลย มีแต่ดาวกับราศีสิบสองราศีนี่เท่านั้น

 

คุณจำได้ไหมครับที่ผมบอกว่าวิชานี้เป็นวิชาที่ละเอียดลึกซึ้งน่ะ ละเอียดหมายถึงอะไรล่ะครับ หมายถึงสิ่งที่ใหญ่หรือเล็ก?

เล็กๆ ครับ

ทีนี้ก็มาถึงชื่อเรื่องที่ผมจั่วเอาไว้นี่แหละ ในเล่มนี้ผมตั้งใจที่จะนำเอาเรื่องเล็กๆ ในวิชาพยากรณ์มาขยายให้คุณฟัง แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องที่คุณๆ มักจะรู้กันอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะมีความละเอียดปลีกย่อยที่คุณจะได้รู้เพิ่มเติมขึ้นบ้าง

เช่น คุณอาจได้รู้ว่าในเรื่องเล็กเรื่องนี้มันให้ความสมบูรณ์กับเรื่องที่คุณกำลังจะพยากรณ์อย่างไร หรือมันจะมีวิธีการใดที่จะนำไปสู่เรื่องอื่นได้อีก เป็นต้น

หรือแม้แต่เพียงคุณได้รู้เพิ่มอีกหน่อยว่า ในเรื่องเล็กที่คุณรู้แล้วนี่น่ะ ที่จริงมันยังมีไอ้นี่ไอ้นั่นอยู่อีกนะ ได้แค่นี้ผมก็ว่าคุณไม่ขาดทุนแล้วละ เพราะแค่เสียเวลาอ่านนิดหน่อยแล้วได้ความรู้ที่ไม่เคยรู้เพิ่มขึ้นมาเพียงเรื่องเดียวมันก็คุ้มแล้วไม่ใช่หรือ?

เอาละครับ มาติดตามเรื่องเล็กกันต่อไปดีกว่า

 

จักรพยุหะ

สูตรนี้เป็นสูตรเล็กๆ สูตรหนึ่งก็จริง แต่ก็มีความหมายในการใช้เพื่อพยากรณ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับความดี-ร้ายของตัวเรื่องหรือแม้แต่ในชาตาของบุคคลเลยก็ได้ โดยที่เราจะใช้เพียงตัวเลข ๘ ตัวเท่านั้น คือเลข ๑ ถึงเลข ๘ อย่างธรรมดานี่แหละ

เลขแปดตัวนี้คือ…

๑๒ – ๓๔ – ๕๗ – ๖๘

เลขแปดตัวแต่จับคู่กันสี่คู่ แต่ละคู่ล้วนมีความหมายของตัวเองกันทั้งนั้น ผมจะแจงความหมายให้ฟังกันดังนี้

๑๒ คู่ครัวเรือน หมายถึงการเป็นผู้ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากเหมือนคนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน

๓๔ คู่วิวาทะ หมายถึงความบาดหมางหรือคับข้องใจ รวมถึงการวิวาทหรือดูหมิ่นเกลียดชังกันได้ด้วย

๕๗ คู่เปลี่ยนแปลง หมายถึงความผันผวนที่สามารถเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วได้ การผันผวนหรือเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นไปในทางดีก็ได้ร้ายก็ได้ ขึ้นกับตัวเรื่องหรือความหมายของภพที่ดาวสถิตอยู่ นอกจากนี้ยังมีความหมายอีกอย่างหนึ่งอยู่ในดาวคู่นี้ด้วย คือเป็นดาวคู่สำคัญ เนื่องจากดาวคู่นี้เป็นดาวที่ใหญ่ที่สุดในจักรราศี ทั้ง ๕ และ ๗ เป็นดาวรับประธานทั้งคู่ ท่านจึงถือว่าเป็นดาวคู่สำคัญ เรื่องอะไรที่เกิดจากดาวคู่นี้จึงมักเป็นเรื่องที่สำคัญทั้งสิ้น

๖๘ คู่มหากิเลส หมายถึงเรื่องหรือเหตุที่เกิดขึ้นมักเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากกิเลสทั้งหลาย ถ้าดาวคู่นี้สถิตที่ภพใดก็อาจอ่านได้ว่า ในความหมายของภพนั้นจะมีอิทธิพลของกิเลสเข้าไปครอบงำได้ง่าย ส่วนผลที่เกิดขึ้นจะดีหรือร้ายก็ต้องตรวจจากดวงชาตาของดวงนั้นนั่นแหละ

เมื่อรู้ความหมายของคู่ดาวแล้ว ทีนี้ก็มารู้ความหมายของคำว่า “จักรพยุหะ” กันมั่ง

 

จักรพยุหะคืออะไร?

“จักรพยุหะ” คือคู่ดาวที่ตัวหนึ่งจะเป็น “กาลกิณี” ของอีกตัวหนึ่ง โดยสองคู่แรกดาวตัวหน้าจะเป็นกาลกิณีของตัวหลัง ส่วนอีกสองคู่หลังนั้น ดาวตัวหลังจะเป็นกาลกิณีของดาวตัวหน้า

เรารู้กันอยู่แล้วว่ากาลกิณีคือตัวส่งโทษให้กับดวงชาตา และเมื่อจับคู่กัน ก็จะส่งโทษให้กับดาวที่อยู่ใกล้ชิดกับตัวนั่นแหละเป็นจุดแรกก่อนที่จะกระจายไปสู่จุดอื่นต่อไปอีกตามกระบวนการพยากรณ์ ดังนั้น ท่านจึงถือว่าดาวจักรพยุหะนี้เป็นตัวที่ส่งโทษให้กับชาตาของทุกดวงที่มีดาวคู่จักรพยุหะนี้อยู่ในดวง

อ้าว-แบบนี้ก็แย่น่ะซีครับ ก็ดวงทุกดวงน่ะมันต้องมีดาวทั้งแปดตัวสี่คู่นี้อยู่ในดวงทั้งนั่น งั้นดวงจักรราศีนี้ก็ไม่มีดีกันเลยใช่ไหม เพราะมันมีดาวจักรพยุหะกันหมดนี่

ไม่ใช่ยังงั้นครับ ดวงทุกดวงมีดาวแปดดวงนี้ก็จริง แต่ท่านหมายเฉพาะแต่ในดวงนั้นมีดาวที่จับคู่กันเป็นจักรพยุหะแล้วสถิตอยู่ในราศีใดราศีหนึ่งเพียงคู่เดียวนั้นเท่านั้น ถ้าไม่ได้จับคู่กันอย่างท่านี้ก็ไม่เป็นจักรพยุหะครับ

เพื่อความเข้าใจ ผมจะยกดวงตัวอย่างที่เป็นจักรพยุหะมาให้ดูสักดวงหนึ่งดังนี้

 

จากดวงตัวอย่างนี้ เราจะเห็นว่าดาวจักรพยุหะสถิตอยู่ที่ภพอริ ดาวคู่ ๑ ๒ นี้ มีความหมายว่าคู่ครัวเรือน

ซึ่งหมายถึงคู่สนิมสนมกับเจ้าชาตามาก

เมื่อไปสถิตอยู่ในภพอริจึงบ่งถึงความเป็นอุปสรรค

เป็นอุปสรรคที่เจ้าชาตาจะได้รับจากผู้ที่มีความสนิมสนมมากเป็นผู้ก่อให้ นี่เป็นการแจงเรื่องอย่างคร่าวๆ ที่เราได้จากดาวคู่จักรพยุหะนี้

ในดาวคู่อื่นๆ ก็อ่านทำนองเดียวกันโดยใช้ความหมายของดาวคู่นั้นๆ เป็นตัวพยากรณ์

เมื่อเรารู้แล้วว่าการวางดวงวางดาวมีรูปร่างอย่างไรเช่นนี้ เราก็สามารถที่จะนำดาวคู่จักรพยุหะนี้ไปอ่านประกอบกับดาวอื่นหรือภพอื่นได้อีก

 

เท่าที่ความสัมพันธ์ของดาวจะโยงไปถึง ดาวคู่จักรพยุหะมี ๔ คู่ แต่ในดาว ๘ ดวงนี้ยังสามารถแยกออกได้อีก ๔ คู่ คือ–

๑๖ – ๓๒ – ๗๔ – ๘๕

๔ คู่ที่คุณเห็นอยู่นี้ แม้จะเป็นเลขตัวเดียวกันกับจักรพยุหะแต่ ๔ คู่นี้ไม่เรียกว่าจักรพยุหะด้วย เราเรียกว่า คู่กาลี เท่านั้น ความหมายก็เช่นเดียวกับกาลกิณีทั้งหลาย คือเป็นตัวส่งโทษให้แก่ดาวที่ร่วมกันอยู่ ผิดกันแต่ว่าดาวคู่กาลีนี้ให้โทษเบาบางกว่าดาวจักรพยุหะ สิ่งที่เราจะสังเกตได้ก็คือ ดาวที่เป็นกาลกิณีทั้ง ๔ ตัวนี้เป็นดาวศุภเคราะห์ แต่ดาวคู่จักรพยุหะนั้น กาลกิณีเป็นดาวบาปเคราะห์ทั้งสิ้น การส่งโทษจึงมีความรุนแรงมากกว่าดาวคู่กาลี

เมื่อเรารู้สถานะของดาวกันแล้ว ต่อไปก็เป็นการอ่านดาวว่าจะส่งผลอย่างไรในดวงชาตา วิธีอ่านก็อ่านตามแบบของโหราศาสตร์ปกตินี่แหละ คือตรวจดูว่าดาวจักรพยุหะหรือดาวคู่กาลีนี้ไปสถิตที่ภพใด ราศีที่ดาวคู่นั้นสถิตอยู่ทำให้ดาวกาลกิณีเข้มแข็งหรืออ่อนแอ พิษสงของการให้โทษก็จะหนักเบาไปตามกฎเกณฑ์นี้ เช่น มีดาว ๓๔ ไปสถิตที่ภพปัตนิ ก็แสดงแนวโน้มว่าเจ้าชาตานี้มีโอกาสที่จะกระทบกระทั่งกับผู้ใกล้ชิดเช่นคู่ครองหรือมิตรสหายที่เป็นหุ้นส่วนร่วมแรงร่วมใจทำกิจการเดียวกัน เนื่องจากว่าดาว ๓๔ นี้เป็นดาวที่มีความหมายว่า คู่วิวาทะ นั่นเอง

ว่ามาถึงตรงนี้แล้ว คุณก็คงจะพอเข้าใจได้แล้วว่า เราจะใช้จักรพยุหะนี้อย่างไร ผมจึงขอจบเรื่องนี้ไว้แค่นี้ก่อนเพราะยังมีเรื่องอื่นๆ ที่น่ารู้อยู่อีกมาก เรามาดูเรื่องต่อไปกันดีกว่าครับ

ในตอนหน้า ผมจะนำเรื่อง “วิธีใช้ จักรพยุหะ-คู่กาลี ในเลข ๗ ตัว” มาให้คุณๆ ได้ศึกษากัน ติดตามนะครับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0