รู้จัก ‘หนังสือชี้ชวน’ สุดยอดเครื่องมือเลือกกองทุนรวม

หนังสือชี้ชวน คือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการเลือกกองทุนรวม ซึ่งทุกคนได้มาฟรีอยู่แล้ว การซื้อกองทุนต้องวิเคราะห์ให้มากๆในครั้งแรก เพราะถ้าเลือกถูกแล้วต่อไปจะเป็นผลดีต่อการลงทุนในระยะยาว

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จัดงาน Set in the City กรุงเทพมหานคร 2018 มหกรรมการลงทุนแห่งปี ภายในงานมีการสัมนาพิเศษหัวข้อ “Review กองทุนรวมเข้าพอร์ตเองได้ ไม่ง้อเซียน แค่รู้จัก Fund Fact Sheet” โดย น.สพ.ธนัฐ ศิริวรางกูร เจ้าของเพจคลีนิคกองทุน

น.สพ.ธนัฐ ศิริวรางกูร เปิดเผยว่า กองทุนรวมเป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่งที่ดี มีความสะดวก หากเราลองย้อนดูผลตอบแทนจากลงทุนของตลาดหุ้นในปีที่ผ่านมา สามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้อยู่ราว 17% แต่กองทุนที่ดีที่สุดสามารถทำกำไรได้ถึง 40% ทั้งผู้ลงทุนยังใช้งบลงทุนที่น้อยกว่ามากก็เริ่มลงทุนได้ ผลตอบแทนที่ดีกว่า มีผู้จัดการลงทุนเก่งๆคอยดูแลให้ กระจายความเสี่ยง และยังซื้อขายสะดวก สิ่งเหล่านี้คือข้อดีของกองทุนรวม

วิธีการเลือกการลงทุนที่ดีก่อนตัดสินใจซื้อกองทุนเข้าพอร์ต ควรพิจารณา 5 ข้อ คือ 1.แนวโน้มการเติบโตของสินทรัพย์ 2.พิจารณา ราคา ถูก-แพง ของสินทรัพย์ 3.พิจารณา การกระตุ้นเศรษฐกิจ+Fund Flow 4.แนวโน้มของตลาดหุ้น และวิเคราะห์ทางเทนิค และ 5.สำรวจคำแนะนำของ บล. บลจ. ต่างๆ

โดยมีข้อควรระวังที่นักลงทุนต้องรู้ อยู่ 4 ข้อ ได้แก่…

• อย่าซื้อกองทุนที่ไม่เหมาะกับตนเอง
• อย่ากระจายการลงทุนไปหลายกองทุนมากเกินไป
• นึกไว้เสมอว่า "ของใหม่" อาจจะไม่ใช่ "ของดี" ต้องใจเย็นๆและพิจารณาอย่างรอบคอบ
• ต้องเข้าใจเนวคิดและกลยุทธ์ของกองทุนก่อนลงทุนเสมอ

"อยากจะบริหารพอร์ตให้ดีขึ้น เราต้องเก่งขึ้น"

เอกสารกองทุน มีอะไรบ้าง?

• หนังสือชี้ชวน
• หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปการลงทุน
• รายงานประจำปี / 6 เดือน
• เอกสารอื่นๆ

การอ่านหนังสือชี้ชวนการลงทุน Fund Fact Sheet  เป็นการบอกว่าคุณกำลังจะลงทุนอะไร ให้ดูที่นโยบายการลงทุน และการจัดการลงทุนของคุณ ซึ่งมีบอกทั้งความเสี่ยง นโยบายการลงทุน มีผลตอบแทนย้อนหลังตามปีปฎิทิน เทียบกับผลตอบแทนย้อนหลังในอดีต ซึ่งเวลาดูกองทุนนั้น อย่าดูเพียงแค่ช่วงได้กำไร เพราะต้องดูการบริหารกองทุนในช่วงตลาดเป็นขาลงด้วย ว่าผู้จัดการกองทุนมีแนวการบริหารอย่างไรใย

อัตราส่วนหมุนเวียนการลงทุน ตัวนี้เป็นการบอกสินทรัพย์มีการปรับเปลี่ยนซื้อหุ้นมากเท่าไหร่ เช่น 1.02 ให้นำไป x 100 จะได้ตัวเลขออกมา ถ้าต่ำกว่าหนึ่งร้อยจะเป็นกองทุนที่ไม่ค่อยเปลี่ยนหุ้นมาก(Buy and Hold) ซื้อแล้วถือยาว แต่ถ้าตัวเลขได้สองร้อยขึ้นไปจะเป็นการเทรดเยอะๆ ซึ่งไม่มีกองทุนแบบไหนเป็นสูตรสำเร็จ เพราะอัตราส่วนการลงทุนก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวบอก

สำหรับ 'เอกสารอื่นๆ' ก็เป็นตัวสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ กระบวนสร้างกรอบการลงทุน อนาคตของตลาด 10 บริษัทแรกของกองทุนหลัก ข้อมูลเหล่านี้ทุกอย่างจะบอกไว้ในเอกสารอื่นๆแล้ว เราแค่ต้องขอจากเจ้าหน้าที่

หากเราลงทุนในกองทุนต่างประเทศให้หาคำว่า ISIN ในหนังสือชี้ชวน เพราะจะเป็นกุญแจสำคัญ ให้เรานำหมายเลข ISIN ไปหาในกูเกิ้ลเราจะสามารถเข้าไปดูกองทุนหลัก(Master Fund)ของกองทุนนั้นๆได้ทันที

โดยหมอนัทยังได้เน้นย้ำถึงหลักการเลือกกองทุนเข้าพอร์ต RSF ว่าเป็นอีกหลักการสำคัญในการลงทุนกองทุนรวม

1.Return - ความสม่ำเสมอของผลตอบแทน ให้ดูจากผลตอบแทนย้อนหลังเป็นเวลา 5 ปี เพราะโอกาสในการดูกองทุนที่มีผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในอนาคตเป็นระดับต้นๆอย่างต่อเนื่องอยู่

อาจนำไปดูข้อมูลจาก Morning Star เพิ่มเติมว่ามีข้อมูลการลงทุนอย่างไรบ้าง ผลตอบแทนตอบโจทย์เราหรือไม่

2.Style - เลือกที่ชอบ เลือกที่ใช่ ลงทุนแล้วหลับสบาย การเลือกลงทุนในหุ้นเล็กมีโอกาสเติบโตสูงกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงในการลงทุนที่สูงตามมา หรือลงทุนหุ้นใหญ่อาจจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ก็มาพร้อมกับการลงทุนที่น้อย

หากกองไหนมี Investment Process ที่ดี เป็นสิ่งที่บอกว่าอนาคตของกองทุนจะเป็นอย่างไร และเป็นแก่นสำคัญของกองทุน บางกองทุนก็เลือกจากสภาพเศรษฐกิจ บางกองทุนก็ลงทุนหาบริษัทเล็กที่ยังไม่มีใครพบเห็น จึงต้องหารู้ตรงนี้ด้วย

3.Fee - ค่าธรรมเนียมกองทุน เขาคิดค่าธรรมเนียมเราทุกวัน โดยนำ % ค่าธรรมเนียม ยิ่งอยู่นานยิ่งโดนเก็บ

ผู้จัดการกองทุน ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องรู้จักผู้บริหารกองทุน โดยผ่านรายงานประจำเดือน 6 เดือน หรือรายงานประจำปี, หนังสือสือชี้ชวน และนำชื่อไปค้นหาประวัติใน Google, Youtube, Facebook

หนังสือชี้ชวน หรือ Fund Fact Sheet ในสมัยนี้อ่านง่ายขึ้นแล้ว มีอธิบายข้อมูลสำคัญไว้หมดแล้ว เอกสารหาไม่ได้ยากว่าจะเป็นกองทุนไทยหรือต่างประเทศ ทุก บลจ.เขารวมไว้ให้แล้ว เพียงแค่เราเข้าไปศึกษาในเว็บไซต์