โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รุมกินโต๊ะบิ๊กตู่ แผนเพื่อไทยเล่นให้น่วม

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 26 ม.ค. 2563 เวลา 17.17 น. • เผยแพร่ 26 ม.ค. 2563 เวลา 22.35 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

สั่งทีมซักฟอก ปชป.ไล่ขยี้ภท. รับผิด "กดบัตร"

“สนธิรัตน์” รอ “ชวน” ชี้ ขาดผลสอบ ส.ส.รัฐบาลกดบัตรแทนกัน ยันวันเกิดเหตุลูกพรรคอยู่ในห้องประชุมสภาฯทั้งหมด ปชป.ย้ำตรวจสอบ ส.ส.ไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ป้องต้นเรื่องไม่มีเจตนาล้มงบฯ ปี 63 “นิพิฏฐ์” บี้ 2 ส.ส.เจ้าของบัตร สารภาพความจริงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อนำกลับมาแก้ไขเฉพาะมาตรา ยกคดีโจรชิงทองบี้คืนของกลางงบฯ 3.2 ล้านล้านให้ประชาชน พท.เล็งซักฟอกเพิ่ม 2 รัฐมนตรี สั่งขุนพลทุกคนรัวหมัดรุมกินโต๊ะ “บิ๊กตู่” ด้าน “สุทิน” ยึกยักใส่ชื่อ “บิ๊กป้อม” ในโผเชือด “อนุสรณ์” เหน็บแฮชแท็ก “รัฐบาลเฮงซวย” บนโลกทวิตเตอร์สะท้อนวิกฤติผู้นำ “ธนาธร” หวั่นถูกรัฐบาลไฮแจ็กขโมยประเด็นแก้ รธน. ลากเข้าเหลี่ยมแก้ไขรายมาตราแค่กติกาเลือกตั้ง ตบตาคนทั้งประเทศว่าแก้ รธน.แล้ว

จากกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันกรณี ส.ส.พรรครัฐบาลเสียบบัตรเพื่อลงคะแนนแทนกัน ในระหว่างการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ทำไม่ได้ทุกกรณี แม้จะมีปัญหาเครื่องลงคะแนนมีไม่เพียงพอ ขณะที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐยืนยันในวันเกิดเหตุ ส.ส.ของพรรคทั้งหมดอยู่ในห้องประชุมสภาฯ

พปชร.รอ “ชวน” ชี้ขาดกดบัตรแทนกัน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 ม.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง กรณี ส.ส.พรรคประชารัฐเสียบบัตรแทนกัน ระหว่างการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจหรือละเลยในปัญหาเหล่านี้ ได้ตรวจสอบเชิงลึกว่าภาพข่าวที่ปรากฏเกิดขึ้นช่วงไหน อย่างไร และได้เชิญ ส.ส.คนดังกล่าวเข้ามาสอบถามและตรวจสอบแล้ว พบว่ามาจากข้อจำกัดช่องเสียบบัตร ยืนยันว่าวันนั้น ส.ส.ของพรรคที่ถูกกล่าวอ้างทั้งหมดอยู่ในห้องประชุมสภาฯแต่ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่กำลังดำเนินการ พรรคได้ทำความเข้าใจ ส.ส.พรรคแล้วว่าต้องดำเนินการตามระเบียบ เพราะเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดอย่างไรก็ตาม ทุกคนจะต้องเสียบบัตรเอง และในการประชุมพรรควันที่ 28 ม.ค.จะย้ำ ส.ส.พรรคอีกครั้ง

เคาะคน ลต.ซ่อมกำแพงเพชร 28 ม.ค.

นายสนธิรัตน์กล่าวอีกว่า ส่วนการสรรหาผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมกำแพงเพชร เขต 2 หลังมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างแทน พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ที่ต้องคำพิพากษาจำคุกคดีล้มการประชุมอาเซียนซัมมิตนั้น การประชุม ส.ส.พรรควันที่ 28 ม.ค.จะพิจารณาบุคคลที่มีความเหมาะสม คาดว่าจะได้รายชื่อในวันนั้นเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แคนดิเดตยังขับเคี่ยวกันระหว่างนายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ บุตรชาย พ.ต.ท.ไวพจน์และนายจุลพันธ์ ทับทิม อดีตนายก อบจ.กำแพงเพชรและอดีต ส.ว. แม้ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะส่งนายเพชรภูมิลงสมัครในนามพรรค

ปชป.ย้ำตรวจสอบ ส.ส.ไม่ซื่อสัตย์

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลกดบัตรแทนกันว่า สังคมต้องแยกออกจากกันก่อนระหว่างการกระทำความผิดของ ส.ส.กับความสำคัญของงบประมาณแผ่นดิน คือ 1.การกระทำของ ส.ส.ที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อการทำหน้าที่ การกดบัตรแทนกันเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัด ต้องว่ากันตามกระบวนการของการตรวจสอบถ่วงดุล บุคคลที่จะถูกตั้งต้นตรวจสอบไม่ว่า ส.ส.คนดังกล่าวจะอยู่พรรคใด หลักการต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ถ้าเกิดขึ้นกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ต้องยึดหลักเดียวกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องพรรคได้ต่อสู้กับเรื่องนี้มาตลอด จึงเป็นหน้าที่พวกเราทุกคนต้องสนับสนุนให้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด

ป้องต้นเรื่องไม่เจตนาล้มงบฯปี 63

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า 2.เมื่อการกระทำผิดของ ส.ส.ในการกดบัตรแทนกัน มีผลกระทบต่อร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 ต้องหาทางแก้ปัญหา นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคและอดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีเจตนาตั้งต้นว่าต้องล้มงบประมาณของรัฐบาล อีกทั้งยังเสนอแนวทางแก้ปัญหาไว้ชัดตั้งแต่วันที่ออกมาแถลงข่าว ทุกคนทุกฝ่ายพยายามหาทางกันเพื่อแก้ปัญหาให้ พ.ร.บ.งบฯปี 63 เดินหน้าไปได้ จึงไม่อยากให้มีคำถามว่านายนิพิฏฐ์ทำไปทำไม แต่ควรจะถาม ส.ส.คนที่ทำผิดว่าทำไปทำไม ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้กลับหัวกลับหางหมด ต้องรอผลการตรวจสอบของศาลรัฐธรรมนูญเสียก่อน แม้การแบ่งข้างกันทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ที่มีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล แต่หลักการความถูกต้อง ความซื่อสัตย์สุจริต คือสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักเช่นกัน

“นิพิฏฐ์” บี้เจ้าของบัตรยอมสารภาพ

เมื่อเวลา 12.30 น. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค และอดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “คืนของกลาง 3.2 ล้านล้านบาทให้แก่ประชาชนเถอะครับ” ร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2563 จำนวน 3.2 ล้านล้านบาท จะตกเป็นโมฆะ เพราะ ส.ส.กดบัตรแทนกันหรือไม่ เป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง ไม่มีความปรารถนาแม้แต่น้อยให้ตกเป็นโมฆะ ประชาชนทั้งประเทศเดือดร้อนแน่ไม่ว่ามากหรือน้อย ส.ส.ที่คนอื่นกดบัตรแทนนั่นแหละที่จะทำให้เป็นโมฆะหรือไม่ อย่างน้อยมี ส.ส. 2 ท่าน ที่คนอื่นกดบัตรแทน ส.ส.จะรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อาจไม่รู้เห็นเป็นใจก็ได้ ท่าน ส.ส.ต้องรับสารภาพต่อศาลรัฐธรรมนูญว่ามาตราไหนบ้าง ที่ท่านไม่ได้กดเอง เพื่อทำมาตราเหล่านั้นให้สมบูรณ์ แต่หากท่านไม่ให้ความจริงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยากที่ศาลจะวินิจฉัยไปอย่างอื่น นอกจากวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณต้องตกไปทั้งฉบับ ตามนัยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3-4/2557

คืนของกลางงบ 3.2 ล้านล้านให้ ปชช.

“งบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท จึงอยู่ในมือ ของท่านแล้ว อยู่ที่ว่าท่านจะให้ตกไป หรือท่านจะคืนให้แก่ประชาชน ผมเห็นข่าวโจรปล้นทองคำหนัก 28 บาท เมื่อตำรวจจับได้ก็คืนของกลางที่ซ่อนไว้ให้แก่เจ้าของ เปรียบเหมือนงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาทที่อยู่ในมือของท่าน ส.ส. เมื่อเขาจับได้แล้วว่ามีการกดบัตรแทนกัน ผมว่าท่านคืนของกลาง 3.2 ล้านล้านบาทให้แก่ประชาชนเถอะครับ” นายนิพิฏฐ์ระบุ

“เทพไท” กระทุ้งงบฯล่าช้าไม่เป็นผลดี

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ พ.ร.บ.งบฯปี 63 ล่าช้า ไม่สามารถประกาศใช้ได้ จะกระทบการบริหารประเทศทุกด้าน ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ยึดหลักกฎหมายและความถูกต้องเป็นที่ตั้ง ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้เป็นโมฆะ รัฐบาลต้องหาแนวทางแก้ปัญหาให้ลุล่วง เช่น 1.การออก พ.ร.ก.เฉพาะงบฯพัฒนาประเทศ 2.จะเสนอเป็นร่าง พ.ร.บ.งบฯต่อสภาฯอีกครั้งหรือไม่ 3.นำร่าง พ.ร.บ.งบฯฉบับเดิมมาแก้ไขเฉพาะส่วน เพื่อลงมติวาระ 3 อีกหรือไม่ 4.รัฐบาลมีทางออกหรือแนวทางอื่นใด เห็นว่าถูกต้องเหมาะสมควรนำเสนอให้สังคมพิจารณา การปล่อยให้ พ.ร.บ.งบฯล่าช้าไป ไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายใด ขอให้แก้ไขปัญหา ตามกระบวนการที่ถูกต้องมากกว่าความถูกใจ ยึดหลัก กฎหมายมากกว่ากระแสสังคม

พท.จี้ “บิ๊กตู่” เปิดใจเงี่ยหูฟัง ปชช.

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีแฮชแท็ก “รัฐบาลเฮงซวย” ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ผู้ใช้ทวิตเตอร์ต่างแสดงความเห็นต่อการจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 และไวรัสโคโรนา ของรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ต้องรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนด้วยใจเป็นธรรม ก่อนหน้านี้แฮชแท็ก #เบื่อนายกฯขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 มาแล้ว ถ้าแปลเป็นค่าคะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์อาจตกต่ำลงเรื่อยๆ ปัญหาเศรษฐกิจแก้แบบอิเหนาเมาหมัด เงินบาทแข็งกระทบส่งออก ค่าครองชีพสูง หนี้ครัวเรือนวิกฤติ คนตกงาน เศรษฐกิจฐานรากกระทบ แจกเงินจนมึน แจกไปถึงต่างชาติจ้างให้มาเที่ยวเมืองไทย ด้านการเมืองสนิมเกิดจากเนื้อใน พล.อ.ประยุทธ์ถูกตั้งคำถามว่าอุ้มคนทั้งรัฐบาล ตอนนี้อุ้มมาถึงสภาฯ ต้องตามแก้ปัญหา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมรัฐบาลเสียบบัตรแทนกัน จนอาจส่งผลให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 เป็นโมฆะ

แฮชแท็ก รบ.เฮงซวยชี้ชัดวิกฤติผู้นำ

“แล้วยังต้องเจอด่านหินอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมีใบเสร็จเตรียมเช็กบิล ปัญหาสังคมและคุณภาพชีวิต ถูกตั้งคำถามว่า ไม่มี ศักยภาพการจัดการปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 และไวรัสโคโรนาที่รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดกับประชาชนว่า รัฐบาลบริหารจัดการป้องกันแก้ไขได้ ไม่น่าจะกลายเป็นความตื่นตระหนกขนาดนี้ แต่ท่าที พล.อ.ประยุทธ์เหมือนลอยแพผลักภาระให้ประชาชนรับผิดชอบดูแลตัวเอง ทำให้แฮชแท็ก “รัฐบาลเฮงซวย” ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 อย่าทำให้ประชาชนสิ้นหวัง กลายเป็นวิกฤติภาวะผู้นำ คนดีชอบแก้ไข อย่ามองทุกเรื่องเป็นการเมือง” นายอนุสรณ์กล่าว

“พิชัย” หยันหมดน้ำยาแก้ปัญหา ศก.

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ดัชนีคอร์รัปชันไทยพุ่งขึ้นไปอยู่อันดับที่ 101 ถูกเวียดนามแซงขึ้นไปอันดับ 96 แสดงถึงการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี อันดับคอร์รัปชันสูงยิ่งทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน และยังเผชิญภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้น ประสบภาวะภัยแล้ง แต่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา คิดแจกเงินให้นักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านโครงการชิม ช้อป ใช้อินเตอร์ อ้างช่วยค่าเงินบาทแข็ง ถือเป็นนโยบายคล้ายสิ้นคิด ควรเอาเงินช่วยเหลือผู้ยากลำบากจากภัยแล้งหรือซื้อหน้ากากกันฝุ่น แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม บอกให้ประชาชนซื้อหน้ากากเอง แม้มีนโยบายแจกเงิน ก็อาจไม่เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ปัจจุบันโลกเผชิญอันตรายจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดในจีน นอกจากนี้ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 ยังมีปัญหาจาก ส.ส.ซีกรัฐบาลกดบัตรแทน ทำให้งบฯล่าช้ายิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้ว เชื่อว่านายกฯและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่มีความสามารถเพียงพอรับมือปัญหาเศรษฐกิจ ปีนี้อาจทำให้เศรษฐกิจทรุดหนักกว่าปี 62

พท.เล็งเพิ่มซักฟอกอีก 2 รมต.

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า วันที่ 27 ม.ค.พรรคจะประชุมสรุปอย่างเป็นทางการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีกี่คน เบื้องต้นมี 5 คนจะถูกยื่นอภิปรายแน่นอน ส่วนรายชื่อรัฐมนตรีอีก 4 คนที่เพิ่มมาภายหลังได้เแก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ต้องมาสกรีนข้อมูลกันอีกครั้งวันที่ 27 ม.ค. ใน 4 คนนี้อาจผ่านมาแค่ 2 คนหรืออาจมากกว่านั้น แต่ยังดูยากว่าจะใส่ชื่อใครเพิ่มเติมเข้าไป ต้องรอไปหาข้อสรุปกับพรรคร่วมฝ่ายค้านช่วงเย็นวันที่ 27 ม.ค.อีกครั้ง ดูแล้วรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายน่าจะประมาณ 7 คนหรือมากกว่านั้นเล็กน้อย ใกล้เคียงกับการยื่นอภิปรายทุกครั้งที่ผ่านมาเพื่อให้ข้อมูลแน่นหนาที่สุดไม่เหวี่ยงแห ฝ่ายค้านให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพมากกว่าปริมาณ

ยึกยักใส่ชื่อ “บิ๊กป้อม” อยู่ในโผเชือด

เมื่อถามว่า มีแนวโน้มที่จะมีชื่อ พล.อ.ประวิตร อยู่ในบัญชีซักฟอกหรือไม่ นายสุทินตอบว่า ถ้าเอาตามความรู้สึก เราอยากจะอภิปราย แต่ถ้ายึดตามข้อมูลที่มีอยู่จะไม่เหมือนกับความรู้สึก เพราะถ้าข้อมูลไม่แน่นหนาจริง อยากให้ไปอภิปรายครั้งหน้า จะเอาปริมาณอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเน้นคุณภาพ อย่างไรก็ตาม การอภิปราย พล.อ.ประวิตรคงต้องหารือกับพรรคเสรีรวมไทยอีกครั้ง เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อยากอภิปราย พล.อ.ประวิตรเช่นเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัสที่พรรคอนาคตใหม่อยากจะอภิปรายเช่นกัน

กำชับทีมอภิปรายรุมกินโต๊ะ“บิ๊กตู่”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีครั้งนี้ พรรคได้กำชับให้ผู้อภิปรายไม่ว่าจะอภิปรายตัวรัฐมนตรีคนใด จะต้องอภิปรายไปถึงตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมด้วย เพราะถือว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นผู้คัดเลือกตัวรัฐมนตรีมาทำหน้าที่ แต่ไม่ควบคุมการทำหน้าที่ของรัฐมนตรี เป็นเหตุให้ฝ่ายค้านต้องนำรัฐมนตรีคนนั้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ให้ถือว่ารัฐมนตรีคนนั้นๆเป็นจำเลยร่วมที่มีส่วนร่วมในการกระทำผิด ดังนั้นผู้อภิปรายทุกคนต้องแตะไปที่ตัวนายกฯด้วย เพื่อให้นายกฯน่วมในสายตาประชาชนให้มากที่สุด

จ่อร้องนายกฯ ปล่อย กทท.เอื้อทุนใหญ่

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า วันที่ 27 ม.ค. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบ– ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม มีพฤติการณ์บริหารราชการแผ่นดินส่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ กรณีปล่อยปละละเลยให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) รีบคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นโครงการหนึ่งของอีอีซี ทั้งที่ยังมีเรื่องร้องเรียนอยู่ในศาลปกครอง ก่อนหน้านี้กลุ่มกิจการร่วมค้า NPC ยื่นซองประกวดราคาเข้าร่วมดำเนินการแข่งกับกลุ่มนายทุนใหญ่ แต่ถูกคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ตัดสิทธิเพราะมีคุณสมบัติไม่ถูกต้อง แต่กลุ่มกิจการร่วมค้า NPC ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองขอความคุ้มครองชั่วคราว ศาลปกครองมีคำสั่งให้ความคุ้มครองชั่วคราว แม้ต่อมา กทท.ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดขอให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ยกเลิกการคุ้มครองชั่วคราว แต่เป็นเพียงการยกเลิกการคุ้มครองชั่วคราวเท่านั้น ศาลปกครองสูงสุดยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าการไปตัดสิทธิกลุ่มกิจการร่วมค้า NPC ออกจากโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ของ กทท.ถูกต้องหรือไม่ กทท.จะมาตีกินให้เร่งดำเนินโครงการต่อไปโดยเร็วไม่ได้ เพราะยังไม่มีคำพิพากษาออกมา

เก็บข้อมูลเชิงลึกลากขึ้นเวทีซักฟอก

นายเรืองไกรกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย ในฐานะโครงการในอีอีซีใช้อำนาจตามมาตรา 44 และต่อมาสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ออก พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกปี 2561 มารองรับ โครงการในอีอีซีมีมูลค่าการลงทุนและผลประโยชน์หลายแสนล้านบาท ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสเป็นธรรม ไม่เอื้อประโยชน์เอกชนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นกลุ่มนายทุน โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก ต้องเรียก กทท.มาสอบถามว่าเหตุใดจึงเร่งรัดดำเนินโครงการ พบข้อมูลเบื้องต้นอาจส่อไปในทางไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางรายในทางทุจริตเชิงนโยบาย พรรคเพื่อไทยกำลังตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกนำไปใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ กรณีอาจมีพฤติการณ์ปล่อยปละละเลยเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เสนอราคาเพื่อเข้าร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 โดยไม่โปร่งใสด้วย

อนค.จ่อเอาผิด “ณฐพร” ฐานแจ้งเท็จ

นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้ ส.ส.ของพรรคจะหารือและรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้เอาผิดกับนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะผู้ร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ จะร้องเอาผิดนายณฐพร ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 101 วรรค หนึ่งที่บัญญัติว่าผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทําความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

ซัดเจตนาจองล้างยื่นยุบพรรค

นายคารมกล่าวอีกว่า การกระทำของนายณฐพรเกินกว่าเหตุอย่างยิ่ง ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่แล้ว มีเหตุผลหนึ่งคือข้อกล่าวหาผู้ร้องยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอ แต่นายณฐพรยังจะพยายามมากล่าวหาพรรคอนาคตใหม่อีก ด้วยการยื่นเรื่องให้ กกต.ยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาตรา 92 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มีเจตนาชัดเจนและสร้างผลเสียหายให้พรรคอนาคตใหม่ พรรคยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแน่วแน่ แต่กลับมีกลุ่มคนบางพวกมากล่าวหาให้เกิดความเสียหาย โดยเฉพาะการสร้างวาทกรรมชังชาติ ดังนั้น นับจากนี้ไปพรรคอนาคตใหม่จะไม่นิ่งเฉยกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และพร้อมใช้ช่องทางตามกฎหมาย เพื่อรักษาสิทธิของพรรค และเพื่อให้อีกฝ่ายได้รับการตรวจสอบเช่นกันต่อไป

“ธนกร” ยัน “อุตตม” ไม่ได้ทำอะไรผิด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านเตรียมเพิ่มชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประเด็น ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ส่งผลให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 ล่าช้าว่า นายอุตตมไม่ได้กังวลอะไรเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลและไม่เป็นธรรม นายอุตตมไม่ทราบเรื่อง ไม่ได้รู้เห็นด้วย ที่ผ่านมา นายอุตตมได้กำชับ ส.ส.ให้ปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมอย่างเคร่งครัดมาตลอด และ ส.ส.ทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เป็นเรื่องเฉพาะตัวคงไม่ทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 ต้องเป็นโมฆะ ถ้าอภิปรายประเด็นไม่เกิดประโยชน์ ประชาชนอาจเบื่อหน่าย

“ธนาธร” หวั่นถูกไฮแจ็กประเด็นแก้ รธน.

เมื่อเวลา 06.30 น. ที่ถนนหน้าสวนน้ำเฉลิมพระเกียรติ เทศบาลเมืองอ่างทอง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกิจกรรม “วิ่งไล่พุง” ของชาว จ.อ่างทอง มีนักวิ่งเข้าร่วมจำนวนมากต่างสวมเสื้อลายการ์ตูนหน้าคล้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ สังเกตการณ์และบันทึกภาพผู้เข้าร่วมกิจกรรม ต่อมาเวลา 09.30 น. ที่ศาลาเฉลิมพระเกียรติ ศาลเจ้าพ่ออ่างทอง พรรคอนาคตใหม่ สาขาอ่างทอง จัดงานเสวนา “วาระรัฐธรรมนูญ วาระประชาชนคนอ่างทอง (คำ)” โดยนายธนาธรกล่าวว่า ต้องเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 มาจากการทำรัฐประหารปี 2557 การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการต่อสู้กับการสืบทอดอำนาจ ควรต้องมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ชุดใหม่จากการเลือกตั้งของประชาชนสัก 200 คนไปยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วทำประชามติ สิ่งที่กลัวมากที่สุดว่าจะเกิดในชั้นกรรมาธิการคือการไฮแจ็ก ขโมยวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เรารณรงค์กันมา คือข้อสรุปจะนำไปสู่การแก้ในรายมาตรา โดยเฉพาะมาตราเกี่ยวกับระบบกติกาการเลือกตั้ง แล้วเอามาบอกประชาชนว่าแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ประชาชนต้องคอยเฝ้าระวัง อย่าให้พวกเขาขโมยวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนทุกคนทุกจังหวัดทุกภูมิภาครณรงค์กันมา ต้องตื่นตัวทางการเมืองแสดงพลังให้หนักแน่นชัดเจนพร้อมกัน ให้ผู้มีอำนาจได้ยินว่าเราทนไม่ไหวแล้ว ไม่ทนการกดขี่แบบนี้อีกแล้ว ถ้าไม่ลุกขึ้นรณรงค์อย่างแข็งขัน ไม่มีทางแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 ได้ ขอให้ลุกขึ้นมารณรงค์ไปพร้อมกัน

“วัฒนา”ระบุ รบ.ติดกับเชื่อแก้ได้แน่

นายวัฒนา เมืองสุข ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นพ้องต้องกันว่าต้องแก้ไข เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบมาเพื่อ 1.ทำอย่างไรให้พรรคเพื่อไทยไม่ชนะเลือกตั้ง 2.ถึงชนะทำอย่างไรให้บริหารไม่ได้ 3.จะจัดการกับพวกที่เข้ามาเป็นรัฐบาลอย่างไร ต่อมาคนร่างเปลี่ยนใจอยากเป็นรัฐบาลต่อ กลายเป็นติดกับรัฐธรรมนูญเสียเอง เหมือนมีคนตัดสายเบรกรถไว้ดักคนที่จะขึ้นมาขับ แต่คนขึ้นมาขับกลับเป็นคนละคน ต้องมาเจอปัญหาการบริหาร เชื่อว่ารัฐ– ธรรมนูญฉบับนี้แก้ได้ ถ้าไม่แก้เราจะผ่านปัญหาต่างๆไม่ได้ ตราบใดที่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่รัฐบาลไม่มีวันมีเสถียรภาพ จำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญ โดยมี สสร.ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ไม่ใช่การแก้รายมาตรา

“เจิมศักดิ์” ลั่นต้องรื้อใหม่ที่มา ส.ว.

นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะอยู่ถาวรไม่ได้ เพราะไปเพิ่มอำนาจรัฐ ลดอำนาจประชาชน เป็นเหมือนรัฐธรรมนูญชั่วคราว ที่มีบทเฉพาะกาลวางรองรับไว้ พวกตนเคยคิดกันตอนร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ทำไม่ทันคือให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่เลือกตั้งแบบเขต สุดท้ายเราได้เลือกตั้ง ส.ว.แบบจังหวัดเป็นเขตได้ ส.ว.มาจังหวัดละคน ไม่ต่างจาก ส.ส.กลายเป็นสภาทาส แต่ถ้าให้ ส.ว.ไม่ยึดโยงกับประชาชนก็ไม่ได้ ถ้ามีสองสภาฯควรต้องทำให้ชัด จะเลือกตั้งเลือกโดยอาชีพอาจแบ่งเป็น 10 กลุ่มอาชีพ แล้วให้ประชาชนไปเลือกสังกัดกลุ่มอาชีพตัวเอง แล้วให้คนมาสมัครแต่ละกลุ่มประชาชนจะได้เลือก จะยึดโยงกับประชาชนมากกว่า แต่ ส.ว.สูตรนี้จะไม่มีอำนาจเลือกนายกฯ ส.ว.จะเป็นสภาฯวิชาชีพ เป็นสภาฯผู้ใหญ่ คอยกลั่นกรองกฎหมาย อาจมีความสำคัญในการควบคุมองค์กรอิสระ แบบนี้น่าจะไปได้ ทุกวันนี้องค์กรอิสระมีปัญหามาก ขาดการควบคุมอย่างยิ่ง ไม่ว่า กกต. ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ เราต้องประดิษฐ์อะไรมาควบคุมองค์กรอิสระเหล่านี้

นิด้าโพลหนุนซักฟอกรัฐบาลทั้งคณะ

วันเดียวกัน นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล” จากผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 22-23 ม.ค. รวม 1,252 หน่วยตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 42.57 เห็นว่าฝ่ายค้านควรขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะ ร้อยละ 35.54 ระบุควรขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ร้อยละ 13.82 ระบุยังไม่ถึงเวลาขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ร้อยละ 5.35 ระบุไม่ควรขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเชื่อข้อมูลเผด็จศึก

นิด้าโพลระบุอีกว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 20.76 เชื่อมั่นมากต่อข้อมูลเด็ดของฝ่ายค้านที่จะมัด ครม.หรือรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจนดิ้นไม่หลุด และมองว่าการทำงานของฝ่ายรัฐบาลตลอด 5 เดือนที่ผ่านมายังไม่เป็นรูปธรรม ร้อยละ 32.99 ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ 28.51 ระบุไม่ค่อยเชื่อมั่น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่านโยบาย มองเป็นเกมการ เมือง เหมือนกลั่นแกล้งกันมากกว่า ร้อยละ 15.26 ระบุไม่เชื่อมั่นเลย ฝ่ายค้านยังไม่มีข้อมูลหรือประเด็นอะไรที่ทำให้รัฐบาลเสียหาย เป็นแค่เกมการเมือง บางส่วนอยากให้รัฐบาลทำงานให้มากกว่านี้ก่อนถึงค่อยมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยมีข้อตกลงพิเศษกับรัฐบาลตัดชื่อรัฐมนตรีบางราย ร้อยละ 32.91 ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 33.79 ไม่เชื่อเลย เพราะจุดยืน 2 ฝ่ายแตกต่างกันชัดเจน และอาจเป็นเฟกนิวส์สร้างกระแสข่าว แต่ร้อยละ 16.85 ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 5.35 เชื่อมาก เป็นเกมการเมืองอย่างหนึ่งพลิกสถานการณ์ได้ตลอดเวลา

ร้องระงมเร่ง รบ.แก้ปากท้องด่วน

ขณะที่ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “อะไรที่ประชาชนคิดว่าต้องการเร่งด่วน” จากกลุ่มตัวอย่างทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 6,190 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 22-25 ม.ค.พบว่าความสุขต่อการเมืองหลังพรรคอนาคตใหม่ไม่ถูกยุบ กลุ่มคนสนับสนุนรัฐบาล มีความสุข 6.6 จากคะแนนเต็ม 10 เพราะบ้านเมืองจะสงบ กลุ่มพลังเงียบ 5.7 คะแนนและกลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาล 4.7 คะแนน เรื่องความในใจเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าวันนี้ ร้อยละ 55.6 ระบุแค่ประคองตัว พออยู่ได้ ร้อยละ 30.7 เป็นทุกข์ เครียด นอนไม่หลับ มีเพียงร้อยละ 13.7 เท่านั้นที่มีความสุขมาก ส่วนอะไรที่ประชาชนคิดว่าต้องการเร่งด่วน คือร้อยละ 61.9 ระบุต้องการเร่งแก้เดือดร้อน ทำมาหากิน ค่าครองชีพสูง รองลงมา ร้อยละ 53.5 ระบุ เร่งแก้ไขนักการเมืองแย่ๆ ไม่ยอมทำอะไร มัวแต่ทะเลาะกัน ส่วนเรื่องไม่เร่งด่วน ร้อยละ 68.1 ระบุการปรับคณะรัฐมนตรี และร้อยละ 85.3 ระบุเปลี่ยนรัฐบาล

กังวลไวรัสโคโรนายิ่งกว่าฝุ่น–พิษ ศก.

ซูเปอร์โพลระบุอีกว่า ปัญหาสำคัญที่กังวล ร้อยละ 63.9 ปัญหาสุขภาพ โรคระบาดโคโรนาจากจีน โรคจากฝุ่น PM 2.5 ร้อยละ 63.4 ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ทำมาหากินขัดสน เงินขาดมือ ไม่พอใช้ ร้อยละ 59.2 ปัญหาการเมือง นักการเมืองมัวแต่ทะเลาะกัน แย่งอำนาจ ร้อยละ 54.4 ปัญหาสังคม อาชญากรรม ยาเสพติด ส่วน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” เกี่ยวกับเรื่องเด่น 3 เรื่องคือ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และโรคระบาดโคโรนาจากจีน พบว่าเรื่องโรคระบาดโคโรนาจากจีน เข้าถึงอารมณ์คนในโลกโซเชียลพุ่งสูงสุด 21,602,083 ราย แซงหน้าปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่มีอยู่ 16,570,903 ราย

ร้อง ป.ป.ช.สอบ รมช.ศธ.รุกเขาใหญ่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันที่ 27 ม.ค.เวลา 10.30 น. จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนเอาผิดนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ กรณีบุกรุกที่ดินอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 6 จุด รวม 11 ไร่ ครอบคลุมด่านเนินหอมไปจนถึงอ่างเก็บนํ้าคลองไม้ปล้อง ม.14 ต.เนินหอม จ.ปราจีนบุรี หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงนางกนกวรรณย่อมรู้ว่าการบุกรุกครอบครองป่า และทำให้เสื่อมสภาพอุทยานฯเป็นการฝ่าฝืนนโยบายรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา และเป็นการกระทำที่ส่อผิดกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี หรือปรับ 400,000-2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังส่อฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมปี 2561 อย่างร้ายแรง หาก ป.ป.ช. วินิจฉัยว่ามีความผิด อาจนำไปสู่การสิ้นสุดตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ และ ส.ส.ตามมาตรา 101 (7) ประกอบมาตรา 160 มาตรา 185 และมาตรา 186 ของรัฐธรรมนูญ ปี 60

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0