ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เรียกตัวแทนนักบินเที่ยวบิน TG 971 และนายสถานีซูริคเข้าพบ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง หลังเกิดเหตุ มีการแชร์ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงปัญหาแย่งที่นั่งระหว่างผู้โดยสารและนักบิน จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การบินไทย และยืนยันว่าจะสอบสวนข้อขัดแย้งนี้ให้ได้ข้อสรุปภายใน 7 วัน
นายดำรงค์ ไวยคณี ประธาน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวว่า ปัญหาขัดแย้งดังกล่าวทำให้ภาพลักษณ์การบินไทยเสียหาย ซึ่งเตรียมที่จะขอเข้าพบนายสุเมธ เพื่อสอบถามแนวทางแก้ปัญหา ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย เพื่อกู้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของการบินไทยกลับคืนมา แม้ว่านักบินไม่ได้มีความผิด แต่โดยจิตสำนึกการเป็นพนักงานที่ดีหากเป็นตนจะต้องเสียสละให้กับผู้โดยสารก่อน เพราะผู้โดยสารเป็นผู้ที่นำรายได้ให้กับบริษัท สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งระหว่างนายสถานีซูริคกับกัปตันมากกว่า
“ การให้สิทธิ์นักบินนั่งเฟิร์สคลาสเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย กรณีที่นักบินต้องทำการบินรับช่วงต่อ ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยการบินทั่วโลก ระบุว่านักบินต้องพักผ่อนเพียงพอ และก่อนที่จะทำการบินต้องพักผ่อนอย่างน้อย 24 ชม. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารนับร้อยคน แต่นักบินที่ขอเดินทางกลับไม่ได้ทำการบินต่อ ส่วนการสละที่นั่งให้ผู้โดยสารเคยมีผู้บริหารทำมาแล้วในอดีต สมัยนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ดำรงตำแหน่งดีดีการบินไทย ปกติจะได้ที่นั่งระดับเฟิร์สคลาสหรือบิสซิเนสในฐานะผู้บริหารระดับสูง แต่มีความจำเป็นเที่ยวบินดังกล่าวต้องให้ที่นั่งแก่ผู้โดยสาร นายปิยสวัสดิ์ ก็มานั่งชั้นประหยัดแทนและพูดว่าสามารถเดินทางถึงที่หมายได้เหมือนกัน”
ส่วนกรณีที่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานคณะกรรมการกการบินไทยออกมาระบุว่าจะใช้กรณีดังกล่าวเป็นตัวอย่าง เพื่อผ่าตัดปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ว่า เห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างองค์กรการบินไทยให้มีขนาดเล็กลง โดยลดขนาดของหน่วยธุรกิจที่ซ้ำซ้อนลง เปรียบเสมือนคนหัวโตขาลีบจำเป็นต้องแก้ไข เพื่อให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. กลุ่มนักบินและผู้ช่วยนักบินได้นัดหารือกันที่อาคาร 5 สำนักงานใหญ่การบินไทย ถนนวิภาวดีรังสิต โดยก่อนการหารือ มีคนคาดว่าจะมีผู้ร่วมประชุมไม่มากเพียง 10-20 คนเท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับมีผู้สนใจจำนวนมากเกือบ 100 คน ทั้งนี้ กลุ่มนักบินได้ขึ้นไปหารือบนอาคาร เพราะทราบว่ามีนักข่าวเดินทางมาทำข่าว จึงไม่ต้องการให้เกิดภาพว่ากลุ่มนักบินออกมากดดันคณะกรรมการสอบสวน เพราะไม่ว่าผลการสอบสวนจะออกมาเป็นทางบวกหรือทางลบ แต่เมื่อเกิดภาพว่านักบินออกมากดดัน ก็จะเกิดผลเสียต่อกลุ่มนักบินเอง โดยการประชุมได้แล้วเสร็จเวลาประมาณ 15.00 น. จากนั้นกลุ่มนักบินได้ทยอยเดินทางออกจากอาคาร เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจของนักข่าว
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ประชุมกลุ่มนักบินมองว่าเกิดจากช่องว่างในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นการบินไทยจึงเตรียมทบทวนระบบต่างๆ ให้รัดกุมมากขึ้น นอกจากนี้ยังเกิดความผิดพลาดในการสื่อสาร เพราะถ้าหากมีการประสานงานว่า ปัญหาดังกล่าวจะทำให้เครื่องบินล่าช้าถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งก็เชื่อว่าทุกฝ่ายจะตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นและรีบตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า อย่างไรก็ตาม บางส่วนเชื่อว่าผลการสอบสวนจะออกมาแบบ ‘อลุ่มอล่วย’ ว่ามีความผิดพลาดจากระบบ เพื่อรักษาองค์กรไว้ เพราะถึงปัญหาดังกล่าวจะทำให้เกิดกระแสโจมตีการบินไทยอย่างหนัก แต่ต้องยอมรับว่าการโจมตี เกิดจากคนทั่วไปรับทราบปัญหาแค่บางส่วน ไม่ได้รับข้อมูลทั้งหมดของการบินไทยและแนวทางปฏิบัติของอุตสาหกรรมการบิน