โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

[รีวิว] Bad Boys for Life: เมื่อหนังคู่หูตำรวจโหดมันฮายุค 90s ยังไม่ตาย

Beartai.com

อัพเดต 22 ม.ค. 2563 เวลา 10.12 น. • เผยแพร่ 22 ม.ค. 2563 เวลา 10.12 น.
[รีวิว] Bad Boys for Life: เมื่อหนังคู่หูตำรวจโหดมันฮายุค 90s ยังไม่ตาย
[รีวิว] Bad Boys for Life: เมื่อหนังคู่หูตำรวจโหดมันฮายุค 90s ยังไม่ตาย

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

เรื่องย่อ คู่หูนรก ไมก์ ลอว์รีย์ และ มาร์คัส เบอร์เน็ตต์  จากแฟรนไชส์ Bad Boys กลับมาอีกครั้งกับภารกิจเสี่ยงชีวิตครั้งสุดท้ายเพื่อยืนยันว่า คู่หูตลอดกาลไม่มีวันตาย

ห่างหายจากภาคก่อนหน้าไปถึง 17 ปี (โอ้โห) นับตั้งแต่ภาคสองในชื่อ Bad Boys II ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2003 (ส่วนภาคแรกซัดไปปี 1995 เมื่อ 25 ปีก่อน) โดย 2 ภาคแรกเป็นผลงานสร้างชื่อของ ไมเคิล เบย์ ที่ได้วิล สมิธ และ มาร์ติน ลอว์เรนซ์ ดาราผิวสีชื่อดังแห่งยุค 90s มารับบทคู่กันในหนังคู่หูตำรวจที่ทั้งบู๊และตลกห่ามฮาไปพร้อมสูตรสำเร็จหนังแอ็กชันจนมีแฟนพันธุ์แท้ของแฟรนไชส์อยู่ไม่น้อยที่รอคอยการกลับมาของทั้งคู่

Bad Boys
Bad Boys

Bad Boys (1995)

Bad Boys For Life
Bad Boys For Life

Bad Boys II (2003)

Bad Boys For Life
Bad Boys For Life

Bad Boys For Life (2020)

และสำหรับ Bad Boys For Life หรือภาค 3 นี้ต้องบอกว่า หนังฉวยโอกาสของระยะห่างจากภาคก่อนที่ตัวละครวัยเปลี่ยนล่วงสู่ช่วงเกษียณได้ยอดเยี่ยม ทั้งวิถีคิดเปลี่ยนไป และทั้งโลกยุคใหม่ที่ไปไวจนทอดทิ้งคนสูงวัยเร็วขึ้น เทคนิคสอบสวนลุยดะของหมาแก่แบบเก่า ๆ เริ่มถูกปรามาสด้วยหน่วยไฮเทคที่อุปกรณ์ครบครันทั้งแฮกเกอร์ ทั้งโดรนสายลับ และเมื่อมาร์คัส (มาร์ติน ลอว์เรนซ์) ถอดใจอยากเกษียณตัวเองอยู่กับครอบครัวแสนสุขในยามที่ตนได้เป็นคุณตา  โดยหวังจะทำให้คู่หูเปลี่ยนใจตามและเลิกพังสังขารเสี่ยงชีวิตอย่างที่เคยเป็นมา ขณะที่ทางไมก์ (วิล สมิธ) กลับยังทะนงตนว่าเป็นตำรวจมือฉกาจแห่งไมอามี่ฉายาหนังเหนียวยิงไม่เข้า ทว่าอดีตที่เขาเคยสร้างความแค้นกับอาชญากรไว้มากมายก็ยังตามหลอกหลอนในรูปของการฆ่าล้างแค้น ซึ่งทำให้เขาไม่อาจถอนตัวจากสงครามปราบโจรได้ง่าย ๆ

Bad Boys For Life
Bad Boys For Life

ทั้งนี้เมื่อดูจากบทตั้งต้นที่ โจ คาร์นาฮาน (จากหนัง Smokin’ Aces, 2006) และ ปีเตอร์ เครก (จากหนัง The Town, 2010) ได้วางกันไว้ ก็ถือว่าฉลาด และสมเหตุสมผล เราไม่สะดุดกับลำดับสถานการณ์ที่ผลักดันตัวละครให้ต้องเป็นไป ซึ่งเป็นการเขียนบทที่ดีมากเมื่อเทียบกับหนังแนวแอ็กชันที่มักเอาฉากโชว์เป็นตัวนำแล้วยัดเหตุผลให้ตัวละครวิ่งเข้าไปหาฉากเหล่านั้นเสียมากกว่า แต่กับเรื่องนี้เรารู้สึกถึงแรงขับดันของตัวละครเอกที่สวนทางกัน และการมีสติของตัวละครรอบข้างอย่างที่มนุษย์ควรเป็นทั้งนิทานศาสนาพุทธที่ผู้กองฮาเวิร์ดยกมาเตือนสติไมก์ก็คมและมาได้ถูกที่ถูกทางจนน่าประหลาดใจกับหนังสไตล์ไมเคิล เบย์แบบนี้

Bad Boys For Life
Bad Boys For Life

ผู้กองฮาเวิร์ดสายสติของหนัง

อดิล เอล อาบี และ บิลัล ฟัลลาห์ เจ้าของรางวัลหนังยอดเยี่ยมจากหลายเทศกาลประกวดจากผลงานเด่นอย่าง Broeders (2011) Black (2015) และ Patser (2018) ซึ่งโดดเด่นชัดเจนในสไตล์หนังแอ็กชันที่มีคนผิวสีเป็นองค์ประกอบสำคัญ ซึ่งก็ลงตัวเหมาะเจาะในการมารับไม้ต่อจาก ไมเคิล เบย์ ที่จะสร้างสรรค์เรื่องราวของคู่หูตำรวจผิวสีสุดแสบในยุคนี้ ซึ่งทั้งอดิลและบิรัลก็ยังเก็บเอกลักษณ์แบบเบย์ไว้ได้ทั้งภาพสุดสวย ช็อตเท่ ๆ แอ็กชันว่องไวระทึกอารมณ์ โดยเฉพาะฉากขับรถไล่ล่าทำได้สนุกมาก ในขณะที่ความเว่อวังพังเมืองก็วินาศสันตะโรได้พอดี (กระนั้นก็ยังมีฉากสะดุดใจนิดหน่อยอย่างตัวร้ายเอาปืนยิงรถแล้วระเบิดทันที) ความสำเร็จของหนังอีกปัจจัยสำคัญคือการสร้างตัวร้ายที่ดูมีเนื้อหนัง มีมิติที่มาที่มีน้ำหนัก ทั้งยังมีความเก่งทันเล่ห์รวมถึงความโหดเหี้ยมจนทำเราช็อก เซอร์ไพรส์ได้หลายรอบต่อหลายรอบเลยทีเดียว  

Bad Boys For Life
Bad Boys For Life
Bad Boys For Life
Bad Boys For Life
Bad Boys For Life
Bad Boys For Life

เจคอบ ซิปิโอ นักแสดงหน้าใหม่ที่มารับบทตัวร้ายของภาคได้เหี้ยมถึงใจพูดถึงฝั่งแอ็กชันแล้วก็ต้องมาดูฝั่งความตลกบ้าง มุกตลกของหนังก็มาจากการล้อเลียนจากภาคเก่า ๆ ล้อเลียนความแก่ของตัวละคร และมุกจากเคมีที่เข้าขากันย่ำปึ้กระหว่างวิล สมิธกับมาร์ติน ลอว์เรนซ์ โดยไมก์ยังเป็นตัวโหด และให้มาร์คัสเป็นตัวฮา ซึ่งจะพูดว่าเป็นสูตรสำเร็จมันก็เป็นสูตรสำเร็จที่ยังทำงานข้ามยุคข้ามสมัยมาได้ดีมาก ๆ ข้อติงก็มีว่าหลายมุกอาจเรียกร้องความเข้าใจจากภาคเดิมเล็กน้อยเช่น เรื่องครอบครัวของมาร์คัส ที่คนเพิ่งมาดูภาคนี้เป็นภาคแรกอาจสงสัยว่าเขาตลกอะไรกันในฉากเปิดเรื่อง แต่เอาจริงแล้วสำหรับคนที่ไม่เคยดูก็ไม่ถือว่าหนังใจร้ายนัก เพราะก็เข้าใจได้ไม่ยากและมุกส่วนใหญ่ก็มาจากสถานการณ์ใหม่ในหนังมากกว่า

Bad Boys For Life
Bad Boys For Life
Bad Boys For Life
Bad Boys For Life
Bad Boys For Life
Bad Boys For Life

เพิ่มความเผ็ดความฮาด้วยทีมพิเศษทางเทคโนโลยี

สรุปนี่คือหนังแอ็กชันคอมเมดี้สไตล์คู่หูตำรวจแบบคลาสสิกที่เคยเป็นที่โปรดปรานกันมาก ๆ สมัยยุค 90s แต่ยังสามารถกลับมาในยุค 2020 ได้แบบไม่อายใคร เรียกว่าเป็นภาคใหม่ที่ห่างภาคเก่าจนลืมและน่าจะไม่เวิร์ก แต่กลายเป็นเซอร์ไพรส์และเป็นหนังที่สนุกมากได้เสียอย่างนั้น คอบันเทิงทั้งแฟนเดิมจากภาคแรก ๆ ทั้งคอแอ็กชันตลกโปกฮา ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

 

แชร์โพสนี้

[รีวิว] Bad Boys for Life: เมื่อหนังคู่หูตำรวจโหดมันฮายุค 90s ยังไม่ตาย
0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0