โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รีบเช็ก ผ่อนคลาย "ล็อกดาวน์" ระยะที่3 ที่ไหนเตรียมได้เฮ

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 28 พ.ค. 2563 เวลา 03.13 น. • เผยแพร่ 28 พ.ค. 2563 เวลา 12.47 น. • Thansettakij

ผู้สื่อข่าวรายงานในวันที่ 29พ.ค.63  วลา 09.30น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะพิจารณา "คลายลอกดาวน์" หรือ เคาะมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 ในการเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.  ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล

โดยรายงานข่าวเปิดเผยว่า จะมีการพิจารณา ผ่อนคลายล็อกดาวน์ หรือ มาตรการผ่อนคลายในระยะที่3 ในกิจการกิจกรรมต่างๆ ของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธาน 

เบื้องต้นจะเสนอมีการมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ดังนี้ 

1.ปรับลดเวลาเคอร์ฟิว ทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร จากเดิมที่ห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานตั้งแต่เวลา 23.00 - 04.00 น. เป็น 23.00 - 03.00 น.  

2. ปรับเวลาปิดห้างสรรพสินค้า จากเดิมที่ให้ปิดในเวลา 20.00 น. มาเป็น 21.00 น. และร้านค้าภายในห้างฯที่จะได้กลับมาเปิดบริการเพิ่มเติมอนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารภายในร้าน สำหรับกลุ่มที่มาด้วยกัน ตั้งแต่ 4-6 คน 

3. จะมีการอนุญาตให้ร้านนวดแผนไทยกลับมาเปิดกิจการได้

4. ร้านตัดผม จากเดิมในการผ่อนปรนระยะ 2 อนุญาตผู้ประกอบการให้บริการเฉพาะ ตัด สระ ซอย แต่งผม นั้น จะอนุญาตเพิ่มเติมให้ทำสีผมได้  ภายในเวลาที่กำหนด 

5. การให้จัดงานแสดงสินค้า ในพื้นที่ไม่เกิน 2 หมื่นตารางเมตร เพื่อให้ธุรกิจหรือโรงแรมสามารถเดินต่อไปได้
        
ทั้งนี้ ในส่วนของสถานบันเทิง ผับ บาร์ มวย รวมถึงกิจการหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อสูงนั้น ยังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่อาคารรัฐสภา ถึงมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์หรือมาตรการผ่อนคลายในระยะ 3 ว่า ในพรุ่งนี้(วันที่ 29 พ.ค.) จะมีการประชุมการและจะมีการประกาศมาตรการที่จะผ่อนปรนออกมา ซึ่งฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงสาธารณสุขได้มีการหารือร่วมกันแล้ว โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรถึงจะป้องกันการแพร่ระบาดให้ได้ ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสนใจและเป็นห่วงในเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่รัฐบาลกังวลมากที่สุด ซึ่งคงทราบดีว่ารัฐบาลได้ใช้งบประมาณในการเยียวยาไปมากพอสมควร และเราก็มีวงเงินจำกัดเท่านี้ 

อีกทั้งยังต้องเตรียมวงเงินเพื่อแก้ปัญหาในระยะต่อไปอีก ซึ่งตอนนี้อยู่ในระยะ 3 เดือน ต่อไปยังต้องใช้เงินอีกจำนวนเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ ฉะนั้นต้องรีบหามาตรการที่จะผ่อนปรนให้ได้ แต่ทุกคนต้องการ์ดไม่ตก และต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆที่รัฐออกมา โดยต้องมีทั้งมาตรการของรัฐและมาตรฐานกลางต่างๆ ออกไปอีก เพื่อรับการเปิดโรงเรียนและสถานที่ต่างๆ โดยแต่ละกิจกรรมและกิจกรรมก็ต้องทำของตัวเองไปด้วยภายใน

"ถ้าเราร่วมมือกันอย่างนี้ก็จะเดินหน้าต่อไปในระยะที่ 4 ซึ่งอยากให้ไปถึงระยะที่ 4 ให้เร็วที่สุด แต่ต้องระมัดระวังเพราะเหตุการณ์ในต่างประเทศก็ได้เกิดขึ้นแล้วดังนั้นขอให้เข้าใจว่าการที่รัฐบาลต่ออายุพรก.ฉุกเฉิน ต้องการให้เกิดความปลอดภัย มีส.ส.ในสภาหลายท่านพูดถึงเรื่องนี้ ถือเป็นหลักการที่พอฟังได้ แต่ต้องอธิบายว่าถ้าจะไม่ให้มีคนเจ็บป่วยเลยหรือปล่อยให้ออกไปนอกพื้นที่มันก็ทำไม่ได้ก็จะไปติดกันอีก ตรงที่ไม่มีก็กลายเป็นว่ามี อย่างไรก็ตามรัฐบาลพยายามปลดล็อคในระยะที่ 3 ให้ได้มากที่สุด เว้นแต่บางอย่างที่มีความจำเป็นและมีความเสี่ยงสูงอยู่ก็ต้องเจ็บปวดไปด้วย ผมก็เจ็บปวดเหมือนพวกท่านเพราะมีหน้าที่ดูแลประชาชนโดยรวม ผมก็ไม่สบายใจนักหรอก"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้สิ่งที่ทำมาแล้วไม่เสียหาย ทำอย่างไรประชาชนจะปลอดภัยมากที่สุดเช่นที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้วโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีการเดินทางเข้ามาถ้าเราไม่ตรวจสอบหรือมีสถานที่กับการของรัฐ ปล่อยเสรีให้เข้ามาก็จะเกิดปัญหา ดังนั้นต้องมีการตรวจสอบตัวเลขผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะเพิ่มมากขึ้นทุกคนก็ต้องยอมรับ แต่อยู่ในกรอบที่รัฐบาลดูแลได้ โดยมีสถานที่ควบคุมกับตัวเพียงพอ ดังนั้นต้องค่อยๆปล่อยให้คนกลับเข้ามาจาก 100 เป็น 200 ถึง 500 ซึ่งตนก็เห็นใจคนที่อยู่ต่างประเทศ เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน แต่อย่าลืมว่าต้องทำให้เกิดความปลอดภัยในประเทศด้วย ดังนั้นขอให้เคารพกติกาและอดทนกัน หลังที่ผ่านมาก็อดทนกันมาได้มากพอสมควร

"ผมเห็นใจตรงนี้แต่ถ้าเราปลดทีเดียวก็ยุ่ง เพราะคนที่มาจากต่างประเทศอีกเป็นหมื่นก็กำลังทยอยเข้ามา ซึ่งทั้งหมดก็ต้องเข้าสถานที่กักกัน คิดว่านี่คือหลักการที่เราต้องร่วมมือกันปฏิบัติ ข้อสำคัญการ์ดอย่าตก อย่าถอดหน้ากาก หรืออยู่ระยะใกล้กันเกินไป อันตราย"นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีการลดข้อกำหนดในการผ่อนปรนตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ นายกฯ กล่าวยอมรับว่า "ก็ต้องมีบ้าง เดี๋ยวเขาจะเขียนมาอีกที กำลังดูอยู่ ทั้งนี้ได้มีการหารือร่วมกันแล้ว ทั้งกระทรวงสาธารณสุขและบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิ"

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

คลายล็อกดาวน์ เฟส3 "ร้านนวด" ได้ลุ้น แต่ยังไม่ถึงคิว “โรงหนัง”

เช็กด่วน คลายล็อกดาวน์ เตรียมเปิดเพิ่มร้านในห้าง-ลดเคอร์ฟิว-ให้ซ้อมกีฬาได้

คลาย "ล็อกดาวน์" ระยะ 4 ส่อยืด "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" ถึงสิ้นก.ค.

พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

ขณะที่ พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยว่า มาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 3 ในการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระยะที่ 3 ให้กับกิจกรรมและกิจการ ที่จะเข้าสู่การประชุมของ ศบค.คณะใหญ่ในวันพรุ่งนี้ จะพิจารณาผ่อนคลายให้มีประชาชนสามารถมีกิจกรรมมากขึ้น ทั้งในกิจการ กิจกรรมที่ผ่อนคลายไปแล้วบางและผ่อนคลายเพิ่มเติมในบางกิจการ กิจกรรมที่ยังไม่ได้รับการผ่อนคลายใน 2 ระยะที่ผ่านมา 

ซึ่งที่ประชุม ศบค พรุ่งนี้ นายกฯ จะพิจารณาและได้ผลสรุปที่ชัดเจนว่า กิจกรรมและกิจการใดจะได้รับการผ่อนคลายเพิ่มเติม รวมถึงจะพิจารณาเวลาเคอร์ฟิวส์ ที่จะลดเวลาเคอร์ฟิวส์ลง 1 ชั่วโมง เพื่อเป็นการผ่อนคลายมากขึ้น

สำหรับกิจการ กิจกรรมที่คาดว่าจะได้รับการผ่อนคลาย ในระยะที่ 3 จะเป็นการผ่อนคลายเพิ่มเติม อาทิ ห้างสรรพสินค้า ซึ่งอาจขยายผ่อนคลายโรงภาพยนตร์ นวดแผนโบราณ ที่ต้องมีการปรับรูปแบบการให้บริการ และการผ่อนคลายการเดินทางข้ามจังหวัดของประชาชน 

ส่วนโรงเรียนกวดวิชา  สวนน้ำ สวนสนุก อาจยังต้องรอความขัดเจนอีกครั้ง เพราะต้องพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากยังเป็นกลุ่มกิจกรรมกิจการที่มีความเสี่ยงอยู่ โดยในวันพรุ่งนี้ และทุกประเภทกิจการ กิจกรรมจะได้รับการผ่อนคลายหมดในช่วงเดือนมิถุนายนนี้

เลขา สมช .เน้นย้ำให้ประชาชนต้องป้องกันตนเองตามมาตราการ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย อย่างเคร่งครัดยิ่งขึ้น เพราะยิ่งผ่อนคลายก็ยิ่งต้องดูแล และปฎิบัติตามมาตรการไม่ละหลวม โดยเฉพาะต้องใช้แอพพิเคชั่นเพื่อการติดตาม เฝ้าระวังมากขึ้นตามไปด้วย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0