โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

TFM เปิดเทรดฟอร์มสวยพุ่ง 16.30% เดินหน้าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารสัตว์

Wealthy Thai

อัพเดต 05 ส.ค. 2566 เวลา 12.04 น. • เผยแพร่ 29 ต.ค. 2564 เวลา 11.47 น. • This’s Alano

TFM เข้าเทรดวันแรกทำราคาเปิดการซื้อขายที่ 15.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.2 บาท หรือ 16.30% จากราคาไอพีโอที่ 13.50 บาท โดยกางแผนสร้างการเติบโตในต่างประเทศ วางเป้าหมายดันสัดส่วนรายได้ 3 ปีจากนี้ไปสู่ระดับ 25% พร้อมเดินหน้าสร้างรายได้รวมสู่ระดับ 8 พันล้านบาทใน 5 ปี
นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ TFM ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำและสัตว์เศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ต้องขอบขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจ TFM สะท้อนจากผลงานในรอบ 20 ปี ที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และแผนงานในอนาคตใน 3-5 ปีขยายต่างประเทศต่อเนื่อง
ทั้งนี้หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทมีแผนสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อปักธงสู่ผู้นำในธุรกิจอาหารสัตว์น้ำและสัตว์เศรษฐกิจ โดยในปี 2564-2566 คาดจะใช้เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ จำนวน 1,177.4 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) การขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัทย่อย TUKL มีแผนที่จะลงทุนในสายการผลิตอาหารสัตว์น้ำเพิ่มเติมอีก 2สายการผลิต ซึ่งจะเป็นผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 36,000ตันต่อปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 250ล้านบาท ภายในปี 2566
2) ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวนไม่เกิน 250 – 350ล้านบาท ภายในเดือนมีนาคม 2565เพื่อให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) หลัง IPO ไม่เกิน 0.3 เท่า ระยะยาวกำหนดไม่เกิน 1 เท่า และ 3.) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ TFM มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง รวมกันเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าอัตรา 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม หลังจากการหักทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามข้อบังคับของบริษัทฯ และตามกฎหมายแล้ว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปี 2564 คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก โดยคาดภาพรวมทั้งปี 2564 จะมีรายได้เติบโต 15-20%มาที่ระดับ 4,800 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในแง่ของกำไรปีนี้คาดว่าจะลดลงจะลดลงจากปีก่อน เพราะต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น แต่บริษัทไม่ได้ขึ้นราคาขายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลเริ่มคลายล็อกดาวน์ราคาสัตว์น้ำเพื่อขึ้นต่อเนื่อง จึงเป็นสัญญาณที่ดีต่อผู้เลี้ยงจะเริ่มลงทุนกุ้งและปลาใหม่ ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทในช่วงไตรมาส 1/64
ดังนั้นจึงคาดว่าผลประกอบการปี 2565 จะกลับมาในทิศทางที่ดีโดยวางเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5,000 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้จากประเทศอินโดนีเซีย และประเทศปากีสถานแบบเต็มปี ซึ่งบริษัทวางเป้า 3 ปีจากนี้จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 25% จากเดิมที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 3% ขณะที่ในประเทศไทยยังคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดย บริษัทมุ่งมั่นสร้างการเติบโตในต่างประเทศ ผ่านโมเดลทางธุรกิจที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ ได้แก่ 1. การเซ็นสัญญาความร่วมมือทางเทคนิคและอนุญาตให้ AVANTI Feeds Limited (AVANTI) ผู้ผลิตอาหารกุ้งรายใหญ่ของประเทศอินเดีย ใช้ชื่อทางการค้า (Trade Name) และสูตรการผลิตสินค้าของ TFM สำหรับการจำหน่ายอาหารกุ้งในประเทศอินเดีย 2. ร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) ในการจัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย ชื่อว่า บริษัท พีที ไทยยูเนี่ยน คาริสม่า เลสทารี จำกัด (TUKL) โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจ
2 กลุ่ม คือ PT MSK ซึ่งเป็นพันธมิตรท้องถิ่น ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปอาหารแช่แข็งรายใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย และกลุ่ม AVANTIโดย TFM, PT MSK และกลุ่ม AVANTI มีสัดส่วนการถือหุ้นใน TUKL 65%, 25% และ 10% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ TUKL ตามลำดับ
และร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศปากีสถาน คือ AMG-Thaiunion Feedmill (Private) Limited (AMG-TFM) เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศปากีสถาน โดยร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) คือ กลุ่ม AMG ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์น้ำรายสำคัญในประเทศปากีสถาน ซึ่ง TFM และกลุ่ม AMG ถือหุ้น 51% และ 49% ตามลำดับ
โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 AMG-TFM มีกำลังการผลิตอาหารปลา เท่ากับ 7,000 ตันต่อปี และมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 15,000 ตันต่อปี ภายในปี 2564 ทั้งนี้ AMG-TFM ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์และรับรู้รายได้และมีกำไรสุทธิแล้วตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2564 และ 3. การส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ประเทศศรีลังกา มาเลเซีย บังคลาเทศ พม่า ปากีสถาน และสาธารณรัฐมัลดีฟส์ เป็นต้น
สำหรับการเติบโตของตลาดในประเทศ บริษัทมีแผนพัฒนาและขยายไปยังธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเป็นการรักษาความสามารถในการแข่งขันในฐานะผู้นำของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารปลากะพงแบบเม็ดสำเร็จรูปแทนการใช้เหยื่อสดเป็นรายแรกๆ ของประเทศไทย ตลอดจนการเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายอาหารปลากะพงยักษ์ ปัจจุบัน ได้มีการออกแบรนด์สินค้ากลุ่ม Fighting Brand เพื่อมุ่งเน้นการทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ตามปริมาณการขายอาหารปลาในประเทศที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการมุ่งเน้นการทำตลาดอาหารปลาอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงอยู่ระหว่างวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น ปู และปลาสลิด เป็นต้น โดยบริษัทฯ คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตในธุรกิจอาหารสัตว์เศรษฐกิจเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารในกับภูมิภาคเอเชียในอนาคต
“บริษัทวางเป้า 5 ปีนับจากนี้จะมีรายได้ 8,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยยังมองหาโอกาสการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตให้กับบริษัทอีกด้วย โดยในปี 65 ตั้งงบลงทุน 200 ล้านบาท เพื่อรองรับการปรับปรุงกำลังการผลิต และระบบไอที”นายบรรลือศักร
นายพิเชษฐ สิทธิอํานวย กรรมการผู้อํานวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จํากัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ หรือ TFM มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 20ปี รวมถึงมีความพร้อมทางด้านบุคลากร แหล่งเงินทุน และการเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อใช้พัฒนาความสามารถในการแข่งขันและยกระดับอุตสาหกรรมโดยรวม
ส่งผลให้ TFM มีความสามารถในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดี มีความสม่ำเสมอ มีประสิทธิผลต่ออัตราการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ รวมถึงสามารถผลิตสินค้าที่หลากหลายและครอบคลุมสำหรับการเพาะเลี้ยงตลอดวงจรชีวิตของสัตว์น้ำในราคาที่แข่งขันได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์และแบรนด์สินค้าของบริษัทฯ ได้รับความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในวงกว้างมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ TFM อยู่ในสถานะที่มีความพร้อมสำหรับโอกาสในการเติบโตทั้งตลาดในประเทศ ผ่านการขยายธุรกิจอาหารสัตว์น้ำและอาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ และตลาดต่างประเทศผ่านแนวทางต่างๆ เช่น การเข้าทำสัญญาความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น หรือการตั้งฐานการผลิตในต่างประเทศร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของ TFM เติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ TFM ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างมาก และมั่นใจว่า TFM จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่มีคุณภาพ และได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากนักลงทุน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0