รายงานข่าวจากสมาคมค้าทองคำแจ้งว่า ทองคำในประเทศปรับลง 50 บาท โดยทองแท่งรับซื้อบาทละ 19,200บาท ขายออกบาทละ19,300 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 18,859.04 บาท และขายออกบาทละ 19,800บาท ราคาต่างประเทศอยู่ที่ 1,283.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 1 เดือน นับจาก 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินบาท 31.73 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
รายงานข่าวจากบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดแจ้งว่า ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 10.48 ดอลลาร์ต่ออออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังสหรัฐกำลังพิจารณาที่จะผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ขณะที่บลูมเบิร์กรายงานว่า จีนเสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐเป็นเวลา 6 ปี รวมมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ และเสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐที่มีต่อจีนให้เหลือศูนย์ภายในปี 2567 อีกด้วย
ทั้งนี้รายงานดังกล่าวผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐ-จีน และช่วยกระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 300 จุดซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจากการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวจนกดดันให้เกิดแรงขายในพันธบัตรซึ่งดันอัตราผลตอบแทนให้ปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์บริเวณ 1,280.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR เพิ่มการถือครองทองคำในวันศุกร์ถึง +12.05 ตัน สำหรับวันนี้ปริมาณการซื้อขายในฝั่งสหรัฐอาจะเบาบาง เนื่องจากตลาดเงิน ตลาดทุนและตลาดทองคำของสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
