วันนี้ (20ก.พ.63) TISCO ESU ( Economic Strategy Unit ) ระบุราคาทองคำพุ่งทะลุ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สูงสุดในรอบ 7 ปี จากความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวจากผลกระทบของไวรัส COVID-19 และการกลับมาอัดฉีดสภาพคล่องของ Fed ในระยะสั้น มองทองคำมีอัพไซดจำกัดเนื่องจากสถานะการเก็งกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่สูง และปัจจัยกดดันจากการลดการอัดฉีดสภาพคล่องของ Fed ในช่วงไตรมาส 2 ในระยะยาว ยังแนะนำให้ถือทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจเช่นในปัจจุบันสถิติการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ปี 2554 ราคาทองคำได้ทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ราว 1,900 ดอลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางวิกฤตหนี้ยุโรป และการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อมาราคาทองคำปรับตัวลงแรงในปี 2556 หลัง Fed ส่งสัญญาณจะยุติการอัดฉีดสภาพคล่อง (Taper Tantrum) และได้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,200 - 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์มาเป็นเวลาหลายปีหลังจากนั้น
จนกระทั่งในช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 ราคาทองคำได้พุ่งทะลุ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อีกครั้ง โดยมีปัจจัยหนุนจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการกลับมาอัดฉีดสภาพคล่องของ Fed ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand