รัสเซียทูเดย์ - แม้หัวหน้าหน่วยงานด้านอวกาศของรัสเซียยิงมุกกำลังส่งยานขึ้นไปตรวจสอบว่าอเมริกาเคยลงจอดบนดวงจันทร์จริงหรือไม่ แต่ในเรื่องนี้กลับไม่มีข้อสงสัยในหมู่นักวิทยาศาสตร์แดนหมีขาวต่อประเด็นดังกล่าวที่โต้เถียงกันมานานหลายทศวรรษ
เคยมีคำกล่าวหาว่านาซาไม่เคยส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปบนดวงจันทร์ พร้อมระบุว่าหลักฐานที่อ้างว่าเป็นภาพการเดินบนดวงจันทร์ของมนุษย์อวกาศบนยาน "อพอลโล 17" นั้นเป็นการจัดฉากที่ถ่ายทำบนโลก
แม้กระทั่ง ดมิทรี โรโกซิน ผู้อำนวยการองค์การอวกาศสหพันธรัฐรัสเซีย (รอสคอสมอส) เมื่อเร็วๆนี้ ยังยิงมุกตลกบอกว่าภารกิจสำรวจดวงจันทร์ของรัสเซีนในอนาคต จะเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศของเขาขึ้นไปตรวจสอบดูว่าแท้จริงแล้วมีรอยเท้าของนีล อาร์มสตรอง อยู่บนนั้นจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ยูริ คอสติตซีน ผู้อำนวยการสถาบันเคมีวิเคราะห์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการพัฒนาระบบเซ็นเซอร์เพื่อการอวกาศ ชี้ว่านอกจากการศึกษาดวงจันทร์เพื่อการอยู่อาศัย ไม่มีความจำเป็นต้องส่งยานอวกาศไปลงจอดเพียงเพื่อพิสูจน์ความสำเร็จของโครงการอพอลโลแล้ว การจัดฉากลงจอดบนดวงจันทร์บางทียังอาจเป็นไปไม่ได้ในทางเทคโนโลยีและก็ไม่ได้ช่วยให้ประหยัดเงินน้อยลงแต่อย่างใด
"การจัดฉากมนุษย์อวกาศสหรัฐฯลงจอดแบบปลอมๆบนดวงจันทร์จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนกว่าและแพงกว่าการลงมือทำจริงๆ" นักวิทยาศาสตร์รายนี้กล่าวด้วยความมั่นใจ
หลักฐานชิ้นสำคัญที่เขาให้การยอมรับก็คือดินดวงจันทร์ที่มนุษย์อวกาศสหรัฐฯเก็บกลับมาด้วย โดยผลการศึกษาตามห้องปฏิบัติการต่างๆในหลายประเทศ ในนั้นรวมถึงสหภาพโซเวียต พบว่ามันไม่ได้มาจากโลกใบนี้ "การปลอมดินดวงจันทร์มันเป็นไปไม่ได้ มนุษย์อวกาศอเมริกานำมันกลับมาโลกราวๆ 300 กิโลกรัม ส่วนใหญ่เป็นหินภูเขาไฟ" เขากล่าว
"เรามีหินภูเขาไฟบนโลกด้วย แต่มันต่างอย่างมากกับหินภูเขาไฟบนดวงจันทร์ในแง่ของส่วนประกอบทางเคมี, คุณสมบัติและโครงสร้าง ไม่มีรูปแบบหินเก่าแก่กว่า 3,700 ล้านปี และหินที่มนุษบ์อวกาศนำกลับมามีอายุมากกว่า 4,000 ล้านปี เทียบได้กับอายุของระบบสุริยะ" เขากล่าว (ข้อเท็จจริงคือหินภูเขาไฟบนโลกมีอายุมากกว่า 4,000 ล้านปี แต่หินที่มนุษย์อวกาศสหรัฐฯนำกลับมาจากดวงจันทร์ด้วยก็มีอายุมากกว่าอยู่ดี)
"ไม่มีข้อโต้เถียงว่ามนุษย์อวกาศอเมริกาลงจอดบนดวงจันทร์ระหว่างปี 1969 และ 1972" คอสติตซีนกล่าว "คุณเคยได้ยินมนุษย์อวกาศคนไหนพูดไหมละว่าพวกเขาไม่เคยขึ้นไปบนนั้น"
