โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

รัฐไฟเขียว 5 มาตรการกระตุ้นศก.อานิสงส์หุ้นบวก 10.68 จุด

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 22 ต.ค. 2562 เวลา 10.44 น. • เผยแพร่ 22 ต.ค. 2562 เวลา 10.29 น.
ภป-วินัยการเงินการคลัง-มติชน

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันที่ 22 ต.ค.62 ว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดบวกสอดคล้องกับภูมิภาค (ยกเว้นตลาดหุ้นอินเดีย) โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่มีสัญญาณดีขึ้น และประเด็นเบร็กซิท (Brexit) ที่ความเสี่ยงในการออกจากอียูของสหราชอาณาจักรแบบไม่มีข้อตกลง (No Deal) มีแนวโน้มลดลง

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ชี้ว่าหลังครม.ผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงบ่าย ได้แก่ 1.มาตรการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 2” ซึ่งจะเปิดให้ผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิ์ลงทะเบียนเพิ่มจำนวน 3 ล้านคน ได้รับวงเงินสนับสนุน 1,000 บาทสำหรับการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet 1 และเงินชดเชย 15% ของยอดใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท จากเงินของประชาชนเองผ่าน g-Wallet 2 (เงินชดเชยไม่เกิน 4,500 บาก) นอกจากนี้ ยังจะได้รับสิทธิ์เงินชดเชย 20% ของยอดใช้จ่ายในส่วนที่เกิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท (เงินชดเชยไม่เกิน 4,00 บาท) ซึ่งสิทธิ์นี้จะขยายให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ์ 10 ล้านคนแรกที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ด้วย โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.62

2. มาตรการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย โดยรัฐบาลจะลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีระยะเวลานับตั้งแต่วันที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 24 ธ.ค.63

3. มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยการให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ราคาพิเศษและเงื่อนไขผ่อนปรนสำหรับมาตรการสินเชื่อจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ (22 ต.ค.62) จนถึงวันที่ 24 ธ.ค.63 โดยมีวงเงินสินเชื่อทั้งหมด 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ในช่วง 3 ปีแรก

4.การเร่งรัดเบิกจ่ายงบสัมมนา และ 5.การขยายเวลามาตรการวีซ่า (Visa on Arrival) โดยมาตรการทั้ง 5 ที่ออกมาคาดว่าจะส่งผลบวกแก่ราคาหุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์

อย่างไรก็ตาม พบว่าหุ้นที่หนุนดัชนีมากที่สุดมาจาก 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มพลังงาน ค้าปลีก และการเงิน โดย 5 อันดับแรกที่มีผลต่อดัชนีมากที่สุด ได้แก่ GPSC +6.03% PTT +1.13% GULF 2.91% BGRIM +4.62% และ AWC +1.63% ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ปิดบวกที่ 1,631.46 จุด เพิ่มขึ้น 10.68 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.66% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 38,840.69 ล้านบาท

ขณะที่กรอบการเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้ (23 ต.ค.62) ให้แนวรับที่ 1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,650 จุด ในส่วนของกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นปันผลเด่น รวมถึงมีแนวโน้มคาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ CPN ราคาเหมาะสม 92.00 บาท SPALI 23.20 บาท (ปันผล 6.2%) และ LH 12.30 บาท (ปันผล 7.7%)

ด้านปัจจัยที่ต้องติดตามต่อในสัปดาห์นี้ ในส่วนของต่างประเทศให้น้ำหนักไปที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และในประเทศให้น้ำหนักกับการลงนามสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ต.ค.62 ทั้งคู่

นอกจากนี้ ยังให้น้ำหนักการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 31 ต.ค.62 โดยฝ่ายวิจัยเชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1 ครั้งในการประชุมปลายเดือน ต.ค.นี้ โดยคาดว่าจะลดลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ 1.75%

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0