โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รัฐบาล น้อมนำพระราชกระแส "ในหลวง" เป็นแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วม

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 23 ก.ย 2562 เวลา 11.37 น. • เผยแพร่ 23 ก.ย 2562 เวลา 10.40 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

รัฐบาล น้อมนำพระราชกระแสรับสั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางแก้น้ำท่วม “บิ๊กป๊อก” เผย สำรวจพื้นที่เสียหายเสร็จ ไม่เกินกลาง ต.ค. ชี้ ความจำเป็น ต้องสั่งยกระดับสถานการณ์

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 23 ก.ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อยกระดับการจัดการสาธารณภัยน้อมนำพระราชกระแสรับสั่งของ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการบูรณาการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ และพล.ร.อ.ปวิตร รุจิเทศ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. เข้าร่วมการประชุมด้วย

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้ มาแทนนายกรัฐมนตรี เพื่อมาดูมาตรการเยียวยา ฟื้นฟู และเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ซึ่งรัฐบาลพยายามเร่งแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ให้ประชาชนได้กลับเข้าที่พักเร็ว ย้ำว่า รัฐบาลทุ่มเททุกอย่างในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ขณะเดียวกัน เร่งรัดช่วยเหลือประชาชนได้กลับบ้านเร็วที่สุดยืนยันว่า มีการเตรียมการในการป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาแล้ว รัฐบาลนี้ก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นไปตามแผน ส่วนการพักชำระหนี้เกษตรกรจะต้องนำมาพิจารณาอีกครั้ง และหากมีการของบประมาณเพิ่มเติมจากพื้นที่ประสบภัย กระทรวงการคลังมีการกันงบประมาณเพื่อดำเนินการช่วยเหลือไว้แล้ว

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุโพดุล และคาจิกิ ในวงกว้างหลายจังหวัด ว่า ในขณะนี้ มีพื้นที่ที่ยังประสบอุทกภัยประมาณ 3-4 จังหวัด ต้องประชุมบูรณาการปฏิบัติงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เช่น การระบายน้ำ การสัญจร และการดำรงชีวิตของประชาชนในศูนย์อพยพพักพิง ซึ่งจะได้กำชับการปฏิบัติ ส่วนพื้นที่ที่คลี่คลายแล้ว อยู่ในขั้นตอนที่จะฟื้นฟูได้ ใน 2 เรื่อง ได้แก่ ที่อยู่อาศัย และการประกอบอาชีพ โดยในวันนี้ เป็นการประชุม เพื่อวางกรอบการปฏิบัติงานของหน่วยงานในพื้นที่ เน้นเรื่องระยะเวลา ที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งนี้ ต้องเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปช่วยเหลือได้อย่างครบถ้วน จึงเป็นเหตุผลที่ต้องมีการประกาศยกระดับสถานการณ์ เป็นการเร่งดำเนินการระดับนโยบาย เพื่อประเมินว่า ต้องของบประมาณพิเศษเพิ่มเติม หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เริ่มมีการสำรวจพื้นที่ ที่ฟื้นฟู บ้างแล้ว และต้องสำรวจให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือนต.ค. ซึ่งหากอยู่ในขอบเขตหน้าที่ของหน่วยงาน สามารถดำเนินการได้ทันที แต่หากเรื่องใดต้องขอเป็นกรณีพิเศษ ต้องตั้งเรื่องนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม. ให้พิจารณา

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0