รัฐบาลเยอรมันได้ออกมาปรับคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศใหม่ คาดว่า GDP ปีนี้จะโตเพียงแค่ 0.5% หลังจากผลกระทบภายนอกรุมเร้ากว่าที่คิด เช่น สงครามการค้า หรือแม้แต่ Brexit
รัฐบาลเยอรมันเตรียมปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเหลือเพียงแค่ 0.5% ในปีนี้ จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1% ในเดือนมกราคม เนื่องจากตัวเลขของภาคการผลิตซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเยอรมันอ่อนแอลงอย่างมาก หลังจากได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอน เช่น Brexit หรือแม้แต่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน
นอกจากนี้สาเหตุอื่นๆ เช่น ระดับน้ำในแม่น้ำของเยอรมันมีระดับต่ำลง เมืองต่างๆ ในเยอรมันเริ่มแบนการใช้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล รวมไปถึงกฏการปล่อยไอเสียใหม่ ซึ่งเรื่องนี้กระทบกับภาคการส่งออกของเยอรมันเนื่องจากรถยนต์เป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศ ปี 2018 ที่ผ่านมาการส่งออกรถยนต์ไปจีนหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 20 ปี
Peter Altmaier รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของเยอรมันได้ออกมากล่าวหลังจากตัวเลขด้านการผลิตของประเทศอ่อนแอว่า เยอรมันจะต้องตื่นได้แล้ว นอกจากนี้นักการเมืองของเยอรมันจะต้องคิดถึงเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะทำได้อย่างไร
ขณะเดียวกัน Olaf Scholz รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมัน ได้เตรียมที่จะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่บริษัทในเยอรมันถ้าหากเพิ่มงบ R&D เพิ่มขึ้น สำหรับมุมมองของรัฐบาลเยอรมันมองว่าถ้าหากบริษัทต่างๆ ลงทุน R&D มากขึ้น จะทำให้ภาคการผลิตของเยอรมันมีคุณภาพมากขึ้นได้ด้วย และยังมีนโยบายอื่นๆ เช่น ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่ม ฯลฯ
ความเสี่ยงเศรษฐกิจเยอรมันที่ชะลอตัวอาจส่งผลให้เศรษฐกิจของทวีปยุโรปอ่อนแอลงได้มากกว่าเดิม เนื่องจากเยอรมันเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้จัดทำบทวิเคราะห์ครึ่งปีแรก ได้แนะนำว่าเยอรมันควรใช้นโยบายทางด้านการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากธนาคารกลางของเยอรมันมีความพร้อมที่จะใช้เครื่องมือนี้ได้
ING สถาบันการเงินจากเนเธอร์แลนด์ ยังมีมุมมองที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักเกี่ยวกับเศรษฐกิจเยอรมัน โดยมีมุมมองว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะออกมาหลังจากนี้น่าจะตอกย้ำว่าเศรษฐกิจของเยอรมันอาจย่ำแย่จริงๆ และถ้าหากอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ได้รับผลกระทบอย่างหนัก อาจส่งผลไปยังประเทศที่ผลิตชิ้นส่วนอื่นๆ เช่น โปแลนด์ หรือแม้กระทั่ง ตุรกี
ที่มา – DW, Reuters, Strait Times, บทวิเคราะห์จาก ING
