คบหาดูใจกันมาสักพักแล้ว สำหรับ นางแบบสาว "โอซา แวง" กับหวานใจนักธุรกิจหนุ่ม จอน ลอร์ ล่าสุด (8 กรกฎาคม 2563) ทั้งคู่ได้ฤกษ์งามยามดี ควงแขนกันไปจรดปลายปากกาจดทะเบียนสมรสสุดแฮปปี้ ที่สำนักงานเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
โดยทาง "โอชา แวง" ได้เผยความรู้สึกในวันนี้ว่า "ส่วนตัวรู้สึกตื่นเต้นและสบายใจมากถือเป็นหนึ่งวันดีๆ ของเรา แต่มีหนึ่งสิ่งที่ถือว่าเป็นเรื่องเศร้านั้นก็คงเป็นเรื่องที่ทางคุณพ่อคุณแม่ของตนและฝ่ายชายไม่สามารถเดินทางมาร่วมในครั้งนี้ได้ เนื่องจากท่านอยู่เมืองนอก"
"การจดทะเบียนสมรสวันนี้ ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนนามสกุลไปใช่ของฝ่ายชาย ยังคงเป็นนามสกุลเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือจากนางสาว เป็น นาง ทั้งนี้ในส่วนของเเพลนเรื่องงานแต่งนั้นจากเดิมตอนที่ยังไม่มีสถานการณ์โควิด-19 ตั้งใจไว้ว่าจะไปจดทะเบียนสมรสที่สิงคโปร์ และไปจัดงานแต่งที่มัลดีฟส์ แต่ตอนนี้ส่วนตัวต้องเปลี่ยนแผนทุกอย่าง คือเริ่มต้นจดทะเบียนสมรสที่ไทยเพราะตอนนี้เราทั้งคู่บินไปเมืองนอกไม่ได้ เลยคาดว่าหากสถานการณ์โรคระบาดหายจะเตรียมบินไปจัดงานแต่งแบบเล็กๆ เฉพาะครอบครัว ประมาณ 20 คน ที่สิงคโปร์ หลังจากนั้นก็กะว่าจะบินไปจัดงานเลี้ยงคอลเทลเล็กๆ ที่นิวยอร์ก ส่วนจะเป็นช่วงเวลาไหนนั้นต้องรอดูสถานการณ์อีกที
"สาวโอชา แวง" ยังเล่าถึงความรู้สึกที่ยอมตกลงปลงใจกับทางฝ่ายชายให้ฟังว่า "จริงๆ ที่สุดแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ยาก แค่ "when you know you know ถ้าคุณรู้แล้วก็รู้แล้ว" ไม่ยาก ไม่คิดมาก ไม่เครียดง่ายๆ ส่วนตัวรู้สึกว่ารักของเราทั้งคู่ที่คบกันมาเกือบ 1 ปี กับการตกลงปลงใจแต่งงานครั้งนี้ก็ถือว่าเร็ว แต่ก็ตามที่บอกหากเรารู้แล้วว่าใช่ก็คือใช่ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะหากคิดมากอาจจะไม่ดี อีกทั้งอายุเราเองก็เยอะ ทั้งนี้ในส่วนของเสน่ห์ที่ทำให้หลงรักฝ่ายชายนั้น เป็นเพราะเขาเองเป็นคนง่ายๆ ตลอดจนอยู่ด้วยกันแบบสบายๆ โดยที่เขาเองก็ไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงตัวเราเลย คือเราเป็นยังไงเขาก็รักเราที่เป็นแบบนั้น และอีกหนึ่งสิ่งที่เราชอบในตัวเขาคือเป็นคนที่รักคุณพ่อกับคุณแม่ของตน คือแบบสนิทกันมากโทรหาบ่อยมากเช่นกัน ถือว่าเขาชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเรา
ทางด้าน "จอน ลอร์" เองก็เผยถึงความประทับใจที่มีต่อฝ่ายหญิงว่า "จุดเริ่มต้นมาจากคำว่าเพื่อน แล้วเขาเองก็ชอบเราในสไตล์แบบนั้น จนถึงทุกวันนี้ "ฉันชอบเธอที่เธอเป็นเธอ ทั้งบุคลิกนิสัย อีกทั้งเราก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้รู้สึกว่า มันพอดีกับเรา"
อย่างไรก็ตามในเรื่องของทายาทนั้น ส่วนตัวขอปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ตอนนี้ขอโฟกัสทีละสเต็ปๆไปก่อน ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีเมื่อไหร่ ชีวิตไม่มีแพลน ติดก็คือติด หากไม่ติดก็เดินหน้าต่อไป
