คนในวงการมวยไทยได้รวมตัวจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นและลงมติเกี่ยวกับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ทำการชกมวยไทย และจำกัดสิทธิเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ในการชกมวยไทย ที่ห้องอาหาร 13 เหรียญทาวเวอร์ สาขาพระราม 9 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน โดยมี ศรีเมือง สิงห์สวนเงิน หัวหน้าค่ายแก้วสัมฤทธิ์, เขี้ยวพยัคฆ์ จิตรเมืองนนท์, พันธ์พยัคฆ์ จิตรเมืองนนท์, แสงมณี แสงมณีมวยไทยยิม นักชกชื่อดัง, นายสุกฤษฎิ์ แพรกรีฑาเวศน์ ทนายความ และคนวงการมวยผู้ประสานการประชุม, นายอำนวย เกตบำรุง นายสนามมวยเวทีนานาชาติรังสิต นักมวยเยาวชน ผู้ฝึกสอน และสื่อมวลชนร่วมประชุมกว่า 100 คน
นายสุกฤษฎิ์กล่าวว่า จากการที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ได้มีการร่าง พ.ร.บ.มวยฉบับแก้ไขใหม่ มาตรา 41 ซึ่งมีผลกระทบต่อคนในวงารการมวยไทยหลายส่วน โดยเฉพาะห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีแข่งขันมวยไทยเด็ดขาด และถ้ามีอายุมากกว่า 12 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี ต้องใส่เครื่องป้องกันขึ้นชก และต้องขออนุญาตจากนายทะเบียน ทำให้คนวงการมวยมีความเห็นว่าผิดจากแนวทางที่ตรงกับประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน และสภาพแวดล้อมการแข่งขันมวยไทยที่แท้จริง เป็นการจำกัดสิทธิต่อบุคคลในวงการมวยในการพัฒนาร่างกาย ตัดอาชีพและการหารายได้เด็กเยาวชนกว่า 300,000 คนทั้งประเทศ จึงมีการประชุมในครั้งนี้ขึ้น
ทนายความชื่อดังกล่าวอีกว่า ได้เชิญนายประเสริฐ ตันมี ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) เข้าร่วมประชุมและรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ แต่ไม่สามารถมาได้ เนื่องจากนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เรียกผู้แทนไปร่วมประชุมด่วน ในพ.ร.บ.มวย ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง แสดงให้เห็นว่ารัฐไม่มีความจริงใจ ทั้งๆ ที่ครั้งนี้เป็นการประชุมกันอย่างสงบ อยากให้มีคนที่เกี่ยวข้องมารับฟัง แต่กลับไม่มีคนมา หรืออยากจะให้มีการเดินขบวนบนถนน
“ผมว่าเป็นเรื่องยากที่จะยับยั้งได้แล้ว เพราะกฎหมายนี้จะต้องพิจารณาเสร็จในวันที่ 30 พฤศจิกายน และประกาศใช้ในเดือนมกราคม ปีหน้าผมได้คุยกับ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น แชมป์โลกชาวไทย เขาบอกว่าต่อยมวยมาตั้งแต่ 7 ขวบ จนมีวันนี้ได้ และยืนยันว่า จะมาร่วมเดินขบวนเรียกร้องความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วย เมื่อรัฐบาลไม่มาฟัง ต้องเดินถนนเพื่อเรียกร้องเรื่องนี้” ทนายสุกฤษฎิ์กล่าว
นอกจากนั้นที่ประชุมยังมีการเสนอให้ตั้งคณะทำงานร่างกฎหมายกันเองให้มีความเหมาะสมและเห็นพ้องกันในคนวงการมวย ส่งหนังสือให้ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ประชาชน เพื่อเสนอ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 1 ฉบับ และยื่นให้ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อีก 1 ฉบับรวมทั้งให้กรรมาธิการที่มีหน้าที่ในการพิจารณา และต้องเร่งทำภายในไม่กี่วันนี้แล้ว เพราะกฎหมายต่างๆ จะต้องพิจารณาแล้วเสร็จก่อนสิ้นปี เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งและเปลี่ยนรัฐบาลใหม่
ส่วนความเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมต่างไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น เนื่องจากเป็นการหยุดการเจริญเติบโตของมวยไทยในอนาคต ถือเป็นการทำลายมวยไทยที่ในประเทศต้นกำเนิด ทั้งๆ ที่มวยไทยโด่งดังได้รับความนิยมไปทั่วโลกแล้ว
