โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

แฟชั่น บิวตี้

ระเบิดคลัง! รองพื้น 40 ตัว จาก 25 แบรนด์ ตัวไหนเวิร์ก!

Jeban.com

เผยแพร่ 18 พ.ย. 2562 เวลา 17.00 น. • RV

เราเป็นคนผิว nc30-35 หรืออธิบายโดยละเอียดว่า สีผิวกลาง ๆ อันเดอร์โทนเหลือง สภาพผิวมัน รูขุมขนกว้าง มีรอยดำ รอบแดงจากสิว มีหลุมสิวบ้างประปราย มีสิวบ้างบางช่วง โอเคไม่ช้าของเยอะ เริ่ม!  
PS1 - การปกปิดของรองพื้นแต่ละตัว นอกจากตัวรองพื้นแล้ว ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวของคือ แอปพลิเคเตอร์ (นิ้วมือ ฟองน้ำ แปรง…) และวิธีการเกลี่ย (กด ปาด…)
PS2 - การติดทน หรือ คุมมัน (ต้องแยกให้ออกนะครับ ติดทนคือ ซับแล้วหลุดออกมาน้อย ไม่หลุดระหว่างวัน คุมมันคือ ผิวจะมันช้าลงอะไรประมาณนี้ ) นั้น ขึ้นอยู่กับการ prep และ prime ผิวด้วย เช่น หน้ามันแต่ลงสกินแคร์เยอะ ไม่ใช้ไพรเมอร์ ก็อาจจะทำให้หน้าเยิ้มย้อยระหว่างวันได้ อันนี้ก็แล้วแต่สภาพผิวของแต่ละบุคคลไปนะครับ
PS3 - เนื่องจากรองพื้นบางตัวได้มีการใช้หมด หรือส่งต่อให้คนอื่นไปแล้ว อาจจะไม่ได้มีรูปขวดหรือสวอชให้ดูนะครับ
PS4 - การ insert รูปในครั้งนี้เนื่องจากเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างยาว และไม่อยากแบ่งพาร์ท จึงขอ insert เป็นรูปรวม จากปกติที่เคยเป็นรูปเดี่ยวนะครับ

1. Bobbi Brown Skin Long-Wear Weightless Foundation #4.25 Natural Tan  (2000THB)

สำหรับเราเค้าคุมมันได้ดีเลย ติดทน ออยล์ฟรี ปกปิดได้ตั้งแต่บางเบาจนถึงเกือบสุดเลย รอยเข้ม ๆ ต้องพึ่งคอนซีลเลอร์ เราแอบคิดว่าเค้าเกลี่ยยากไปนิดนึง แต่ที่สำคัญคือสีเป๊ะผิวหน้ามาก ๆ เค้าแนะนำให้ใช้กับแปรงเค้า ตัว full coverage face brush แต่เราใช้ฟองน้ำ การใช้จึงควรที่จะมีการเตรียมผิวให้พอดี ผิวแห้ง ควรทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ให้พร้อม ผิวมันควรเตรียมความชุ่มชื้นระดับนึงเผื่อให้ง่ายต่อการเกลี่ย  เราว่าเค้าติดแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวจริง ๆ เค้าเซ็ตตัวไว แมตต์ เราชอบการปกปิดตรงบางสุดก็ได้ หนาสุดก็ดี แต่เราแอบรู้สึกเค้กกี้นิดนึงในบางวัน แต่ไม่หนักหน้านะ ผิวดู natural มั้ย ก็สามารถทำได้ถ้าทาบางๆ เราเคยทาแบบแน่นสุดตั้งแต่ 6 โมงเช้า ไปออกกองตากแดดทั้งวัน จนไปเล่นสงกรานต์กลับตี 1 ตี 2 ก็ยังอยู่นะ ไม่ได้หลุดไปทั้งหมด แต่ก็อยู่ในสภาพที่ยังดูดี ในวันปกติถ้าหน้ามันพอซับก็มีติดออกมานิดหน่อย โดยรวมแล้วเราให้เวิร์กครับ

2. Bobbi Brown Intensive Skin Serum Foundation #4.5 Warm Natural (2650THB) 

ป้าบ๊อบบี้ก็เป็นอีกแบรนด์นะที่ขายของเก่ง ตั้งแต่ปลาย ๆ ปี 2018 ถ้าใครฟอลไอจีจะรู้ว่าเขานำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วมารีโปรโมท แล้วเขาก็ทำ “สำเร็จ” ด้วยพลังจากโซเชียลที่เดี๋ยวนี้อะไรก็ไปไวมาก ๆ ดูบ่อย ๆ มันซึมซับ เราเป็นอีกคนที่เสียเงินนี่แหละ ตัวนี้ตอนออกมาครั้งแรกเรากลัวว่าจะมันเกินไป แต่พอมาลองใช้จริง ๆ แล้วคือกำลังดี ไม่แห้งไป ไม่ชุ่มไป ติดทนระดับนึงเลย เกลี่ยง่ายมาก ๆ เนื้อเหลว และที่สำคัญคือมันเบาหน้ามาก ไม่หนักหน้า ชอบตรงนี้มากเลย มีเอสพีเอฟมาให้ตั้ง 40 แถมพีเอมาอีก 3 บวก การปกปิดเป็นระดับบางเบาถึงปานกลาง เรื่องสีเนี่ยส่วนใหญ่รองพื้นของป้าบ๊อบบี้จะติดเบสเหลือง เท่าที่เราอ่านมาเขาเคยบอกว่าคนเราจะมีเบสสีเหลืองในทุกอันเดอร์โทน ตัวนี้สีมันเหลืองกว่าหน้าเราไปนิดนึงในตอนแรกแต่พอเซ็ตตัว ระหว่างวันกลับพอดีขึ้น ในเรื่องของสารบำรุงนั้น….ก็ตามที่บอกไปด้านบน แต่ตัวนี้ยังให้ฟีลรู้สึกว่าได้บำรุงมากกว่า CT นะ สำหรับเราตัวนี้เราให้ชนะเรื่องความเบาสบายหน้าคือที่สุด คนที่ผิวไม่ได้มันมากไปจนถึงผิวแห้งน่าจะชอบนะครับ ควรมี “มันเวิร์ก” 
ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแพ็คเกจเป็นหัวปั๊มพ์แล้วนะครับ

3. Fenty Beauty Pro Filt’r Soft Matte Longwear Foundation #290 (1390THB) 

รองพื้นของแม่ริริตัวนี้เด่นเรื่องเฉดสีที่มีถึง 40 เฉด เรียกได้ว่าเยอะมาก แพ็คเกจเป็นขวดแก้วที่มาพร้อมกับหัวปั๊ม เราชอบขวดเค้ามากเพราะมันดูคลีนดี ส่วนตัวรองพื้นนั้น ฟินิชแบบซอฟท์แมตต์ เนื้อลื่นดี เกลี่ยค่อนข้างง่าย Oil Free ที่สำคัญคือเซ็ตตัวไว ไม่ควรแต้ม 5 จุด ตอนทาแรก ๆ สัมผัสได้เลยว่ามันแมตต์ ให้การปกปิดแบบ full coverage เลยนะตัวนี้ แต่ว่าผ่านไปสัก 3-4 ชั่วโมงก็คือเริ่มมีความมันแล้ว คุมมันเฉย ๆ อาจจะเป็นเพราะเราหน้ามันมากด้วย เรื่องความติดทนนี่เวลาซับหน้าก็มีติดออกมาประมาณนึง มีหายไปนิดหน่อย พอซับแล้วหน้าก็กลับมาแมตต์เหมือนเดิม เราใช้ตัวนี้เป็นรองพื้นวันรับปริญญาด้วยนะ ใครที่ผิวไม่ได้มันมาก ก็สามารถใช้ได้ เกือบเวิร์กแล้วจริง ๆ อ่ะติดแค่เค้าคุมมันน้อยไปหน่อยสำหรับเรา

4. Givenchy Matissime Velvet Foundation #05 Mat Honey (2410THB)

เป็นรองพื้นที่เนื้อมาก ๆๆๆ อีกตัวนึง เนื้อลื่น เบา กลืนไปกับผิว ไม่แห้งตึง การปกปิดในแบบ sheer to medium รอยเข้ม ๆ ยังต้องพึ่งคอนซีลเลอร์นะฮะ เทียบ ๆ รองพื้นที่เป็นสไตล์เวลเว็ทก็คือปกปิดขึ้นมามากกว่าชาแนลนิดนึง ฟินิชเป็นแบบแมตต์แต่ไม่แบน เพราะด้วยความที่เป็นแบบกำมะหยี่ ทำให้ผิวดูมีเหลือบ ๆ นิดนึง ฟินิชผิวสวยมาก เรื่องของการคุมมันก็ถือว่าคุมมันได้ประมาณนึง  เราเคยทาไปขึ้นเขาคิชกูฏ ลงมาก็ยังอยู่นะ หลุดไปบ้าง แต่ไม่น่าเกลียด ตัวนี้มีเฉดประมาณ 6 เฉดสี เราใช้เบอร์ 05 MAT Honey มีความสว่างกว่าผิวนิดนึง แต่เค้าออกซิไดซ์นิดนึง ก็คือพอดีกับผิวเป๊ะ ส่วนของแพ็คเกจค่อนข้างหนักหน่อย ตัวฝาเรารู้สึกว่ามันไม่ค่อยแน่นอ่ะ เหมือนจะหลุดง่าย แต่เวลาพกไปไหนก็ไม่หลุดนะ สรุปเลย เวิร์กกกกกก สำหรับผิวผสม ผิวมัน ที่ไม่ได้มันมาก เริ่ดดดดด !! แต่แนะนำอย่างนึง ไปลองเนื้อ แล้วจะรู้เลยว่ารองพื้นเนื้อดีเป็นยังไง 

5. YSL Touche Eclat All-In-One Glow Foundation #B50 (2400THB)

ตัวนี้บอกเลยว่าเริ่ดอยู่ เค้าเคลมว่าใช้ง่ายทาๆ นวดๆ จบ ที่นี้เราจะบอกว่า ง่ายจริงสำหรับคนผิวดี ฟินิชแบบโกลว์ แต่สำหรับเราที่ผ่านสงครามมา ต้องใช้คอนซีลเลอร์ช่วย เพราะเค้าปกปิด sheer-medium เนื้อลื่นมากๆ จุดเด่นคือแตกตัวเป็นน้ำ ถ้าซูมดูรูปสุดท้ายจะเห็นเป็นเม็ดน้ำเลย แต่ว่า….. ความเป็นหยดน้ำนี่แหละ ทำให้เวลาที่เราเป็นสิวแบบที่พี่งหายแล้วเป็นรอยแห้งๆ หรือรอยหน้าลอกๆ มันจะไปจับกับรอยนั้นๆ ทำให้มันเป็นขุยๆเหมือนที่เป็นน้ำมันซึมไปกะผิวแต่เราต้องนวดให้สีซึมต่อ ถ้านึกไม่ออก ต้องไปลอง จริงๆ เค้าซับซ้อนนิดนึง แต่วันไหนผิวดีอ่ะเริ่ด ๆ ตัวเดียวจบ ติดทนๆ ก็กลางๆ ไม่ค่อยคุมมันนะครับแต่ออยล์ฟรี เฉดประมาณ 7-8 เฉด ต้องไปลองหน้าสดไปได้ยิ่งดี เพราะสีงงมาก B คือกลางๆ BD คือโทนเหลือง BR คือโทนชมพู เพื่อนเราปกติใช้โทน B แต่ไปเทสแล้วได้ BD มา เราปกติใช้ BD แต่ได้โทน B ไม่รู้ทำไม ต้องไปลอง เราใช้ B50 นะครับ ตัวนี้สีจะสว่างกว่ารุ่นอื่นๆนิดนึง ปกติเพื่อนเราจะ B30 เราประมาณ BD 45 แต่รุ่นนี้ต้องดรอปลงมาอีก มี spf23 ด้วยนะครับ ตินิดเดียวถ้าใส่มาสัก 30 มันจะ all in one สมกับชื่อเลยจริงๆ โดยรวมแล้วเวิร์กครับพ้ม !! 

6. Lancome Teint Idole Ultra Wear Foundation #320 Bisque W (1950THB)

ยังไง้ ยังไง ก็ไม่เคยมีใครมาเตะก้นได้เลย รองพื้นอันดับ 1 ในใจตลอดกาล เค้าไปกับเราบ่อยที่สุด เพราะเชื่อใจได้ว่า ติดทน คุมมัน ปกปิดระดับมีเดียมถึงฟูล ฟินิชแบบแมตต์แต่ดูไม่แบน ไม่หนาหนัก Oil Free ด้วยคือมันไม่มีอะไรจะติอ่ะ สำหรับการเลือกเฉดสี เราแนะนำให้ป้ายที่กรอบหน้าแล้วรอให้เค้าเซ็ตตัวซักแป๊บบบ 2-3 นาที เพราะเค้าจะเข้มขึ้นนิดหน่อย เฉดสีที่เราซื้อเป็นเมทริกซ์แบบ US (บ้านเราเป็นยุโรป) ซึ่งเราว่ามันง่ายในการเลือก ตัวเลขก็หมายถึง ลำดับความเข้ม ตามมาด้วยชื่อสี และอันเดอร์โทน W(warm) คือโทนเหลือง, C(cool) คือโทนชมพู, N(neutral) คือโทนกลาง ปัจจุบันบ้านเรามีการขยายเฉดสีถึง 40 เฉดแล้ว แต่เราก็ยังไม่ได้ไปลองว่าเฉดที่เป็นของเราคือเบอร์อะไร แต่ถามว่าเรารู้ได้ไงว่าใช้สีอะไรที่ซื้อจาก US เราดูยูทูปเบอร์ที่ใช้รองพื้นแทบจะเบอร์เดียวกับเราทุกแบรนด์เลย บวกกับการหาสวอชเทียบกับรองพื้นแบรนด์ตั่ง ๆ  มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำนะครับทุกคน ควรจะไปเทสสีด้วยตัวเอง ตัวนี้ครั้งแรกที่ใช้เราใช้เบอร์ 045 หมองเป็นของเข้าเลยครับพี่น้อง ด่ายับ เพราะหน้าดรอปมาก คุมมันแย่ เหม็นน้ำหอม(ตัวปัจจุบันน่าจะเอาน้ำหอมออกไปแล้วนะครับเพราะของเราเอาออกมานานแล้ว) ไม่แนะนำใครเลย แต่ด้วยความอยากลอง เอาวะเปิดใจอีกรอบซึ่งได้ผล เป็นปลื้มสุด ๆๆๆ จากต่ำสุด เตะก้นทุกตัวขึ้นมาผงาดได้อย่างง่ายดาย เราเคยใช้นานที่สุดตั้งแต่ 7 โมงเช้าไปจนถึงตี 2 คือสภาพยังอยู่ครบมาก ซับ ๆ ก็คือแทบไม่หลุด แค่เนี้ยก็คือ ได้เงินเราแล้วอ่ะ เราแนะนำเลย “มันเวิร์กม้ากกกก”

7. Giorgio Armani Luminous Silk Foundation #6 (2550THB)

อ่านต่อ กดเลย
รีวิวจากคอมมูนิตี้จีบัน : Jayskennedy
สอบถามข้อสงสัย คุย LINE@ กับ Jeban.com

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0