จากปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐที่กลายเป็นการตอบโต้กันไปมาเพื่อสร้างความชอบธรรมของแต่ละฝ่าย โดยประเด็นสำคัญของข้อขัดแย้ง คือเรื่องการเปลี่ยนตัวกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยเฉพาะหัวหน้าพรรค และ เลขาธิการพรรค ซึ่งก็คือ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีคลัง กับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีพลังงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 พ.ค.) มีข่าวจากคนใกล้ชิดนายอุตตม เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรี และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ประมาณ 60 คน นัดหารือกันที่ชั้น 4 ห้อง 419 อาคารรัฐสภา โดยรัฐมนตรีที่เข้าร่วมหารือ เช่น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีพลังงาน, ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยรัฐมนตรีและ ส.ส.กลุ่มนี้มีความเห็นตรงกันว่า ต้องการสนับสนุนให้ นายอุตตม เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต่อไป เพื่อทำหน้าที่ในการดูแลงบประมาณจากพระราชกำหนด 3 ฉบับที่ออกมาฟื้นฟูเศรษฐกิจและช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนจากปัญหาโควิด-19
โดยกลุ่มรัฐมนตรีและ ส.ส.ของพรรคเห็นตรงกันว่า ที่ผ่านมานายอุตตม และ นายสนธิรัตน์ทำงานเพื่อพรรคและรัฐบาลมาโดยตลอด ที่สำคัญ ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาภายในพรรคในช่วงที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน ควรเอาเวลาไปช่วยเหลือประชาชนและช่วยสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการช่วยเหลือประชาชนดีกว่า
ทั้งนี้ ประเด็นความไม่ลงรอยกันภายในพรรคยิ่งชัดเจนขึ้น หลังจาก นายวัชระ กรรณิการ์ ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน ที่มีนายสนธิรัตน์เป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง โพสต์เฟซบุ๊กทำนองว่า "หมดเวลาสามมิตร" โดยอ้างถึงข่าวปล่อยของทางกลุ่มว่า มีการพา ส.ส.กว่า 20 คนเข้าพบ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเคยประกาศเอาไว้ว่ามี ส.ส.ในมือมากกว่าครึ่งร้อย แสดงว่า กลุ่มสามมิตรกำลังถอดถอย สิ้นมนต์ขลัง และแกนนำก็เหลือเพียง 2 มิตร เนื่องจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มสามมิตร ได้ถอยออกจากกลุ่มนี้แล้ว
หลังจากนายวัชระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กได้ไม่นาน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งร่วมงานอยู่กับกลุ่มสามมิตรเช่นกัน ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้อย่างรุนแรงทำนองว่า นายสนธิรัตน์ต่างหากที่หมดเวลาจากตำแหน่งรัฐมนตรี และตำแหน่งเลขาธิการพรรคแล้ว
เป็นที่น่าสังเกตว่า ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐรอบล่าสุด เกิดจากข่าวการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค โดยมีข่าวว่า พลเอกประวิตร จะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคเอง จากนั้นก็มีการ "วัดพลัง" กันระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนพลเอก ประวิตร กับกลุ่มที่สนับสนุน นายอุตตม ซึ่งรวมถึงนายสมคิดและกลุ่มสามมิตรด้วย เพราะนายอุตตมกับนายสนธิรัตน์ไม่ยอมลาออก โดยช่วงแรกทั้งสองกลุ่มมีเสียงก้ำกึ่งกัน
ต่อมาฝ่ายที่สนับสนุน พลเอกประวิตร ได้รวบรวมเสียงในกรรมการบริหารพรรค กระทั่งได้เสียงข้างมาก เพราะกรรมการจากกลุ่มสามมิตร และสายของร้อยเอกธรรมนัสหันมาสนับสนุนพลเอกประวิตร จนมีการคาดการณ์กันว่า พลเอกประวิตร จะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคแน่นอน และรื้อกรรมการบริหารพรรคใหม่ทั้งหมด พร้อมทั้งปรับคณะรัฐมนตรีแบบ "ปรับใหญ่"
แต่ข่าวล่าสุดที่ออกมาวันนี้ กลับมีชื่อของ ร้อยเอกธรรมนัส ไปอยู่ในกลุ่มให้กำลังใจนายอุตตม ทำให้น่าคิดว่าปัญหาขัดแย้งแสดงพลังกันในพรรคพลังประชารัฐยังไม่จบง่ายๆ!
