จากกรณีเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 18 ม.ค. 62 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกสารเคมีกระเด็นใส่ตามร่างกาย ได้รับบาดเจ็บบริเวณด้านหลัง เป็นแผลพุพอง โดยผู้บาดเจ็บได้นำโซดาไฟเทลงไปในชักโครกเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นได้ปฏิกิริยาบางอย่าง จนโซดาไฟที่เทไปได้เกิดปะทุ และกระเด็นไปทั่วบริเวณห้องน้ำ
ความคืบหน้าวันที่ 19 ม.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บ้านจุดเกิดเหตุ ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยนางสาวภัสสร เขียวภัยรี อายุ 29 ปี หลานสาวของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวเป็นช่วงที่มีการเตรียมงานมงคลสมรส โดยผู้บาดเจ็บพบว่าชักโครกในห้องน้ำบ้านตัน มีน้ำเจิ่งนอง จึงได้วานให้ตนไปซื้อโซดาไฟที่ร้านภายในหมู่บ้าน ตนเองจึงไปซื้อมาหนึ่งซองราคา 45 บาท โดยเป็นโซดาไฟแบบผลึก ไม่ใช่แบบน้ำ จากนั้นคนเจ็บได้ฉีกซองและเทลงไปทั้งหมด โดยคาดว่าผงโซดาไฟได้ไปทำปฏิกิริยากับน้ำ จึงปะทุกระจายทั่วห้องน้ำ ทำให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนซาย และด้านหลัง โดยเกิดเป็นแผลพุพองคล้ายกับรอยไหม้ แต่ตอนนี้กลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนเองอยากจะเตือนให้ระมัดระวังการใช้งานโซดาไฟ เพราะหากไม่ระวังอาจจะเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นได้ ซึ่งภายหลังที่ได้ใช้โซดาไฟใส่เข้าไปในชักโครก ตอนนี้ห้องน้ำภายในบ้านกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว
ด้านนายณัฐพล จากเกาะ อายุ 23 ปี เจ้าหน้าที่รถพยาบาล 03 หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา จ.ชลบุรี บอกว่า ในวันดังกล่าวช่วงเวลาประมาณ 20.38 น. ได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านโดนสารเคมี จึงได้เข้าไปยังจุดเกิดเหตุ จากนั้นก็ได้รีบนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดส่งโรงพยาบาล จนกระทั่งได้สอบถามกับผู้บาดเจ็บ ทราบว่าถูกโซดาไฟปะทุและกระเด็นโดนตามผิวหนัง ทำให้มีบาดแผลไหม้บริเวณขา สะโพก แขน และลำตัวฝั่งซ้าย
โดยในพื้นที่เคยรับแจ้งเหตุลักษณะคล้ายกัน แต่ไม่รุนแรงเท่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ดังนั้นจึงฝากถึงประชาชนให้ระมัดระวัง หากเกิดเหตุขึ้นให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาด ใช้ผ้าเช็ด รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น และแจ้งอาสากู้ภัยเข้าไปให้การช่วยเหลือ
ขณะที่รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเทโซดาไฟลงไปในน้ำโดยตรง หรือเทลงไปในปริมาณน้ำที่มาก จะเกิดปฏิกิริยาโซเดียมไฮดรอกไซด์ และอาจทำให้เกิดก๊าซพิษฟุ้งกระจายออกมา มีกลิ่นเหม็นรุนแรง ซึ่งหากสูดดมก๊าซดังกล่าว ก็จะได้รับอันตรายทางระบบทางเดินหายใจ แต่ทั้งนี้ กรณีที่มีการปะทุหลังจากที่ทำปฏิกิริยาร่วมกับน้ำ หากโดนตามผิวหนัง ก็จะทำให้เกิดการหลุดกล่อนของผิวหนังเป็นรอยไหม้ หรือหากกระเด็นเข้าดวงตา ก็อาจจะทำให้ตาบอดได้
ทั้งนี้ จึงขอแนะนำประชาชนว่า กรณีการใช้โซดาไฟเพื่อจัดการกับปัญหาท่อตัน จะใช้ได้ในเฉพาะระบบปิด คือ อ่างน้ำล้างจาน หรืออ่างล้างหน้าเท่านั้น ซึ่งไม่มีน้ำค้างอยู่ในระบบท่อ เพราะเมื่อเทโซดาไฟลงไปแล้ว ก็จะต้องราดน้ำลงไปซ้ำอีก
