โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ระวังพลังนักศึกษา เปิดจุดเปราะ สัญญาณอันตราย รัฐบาลลุงตู่ กำลังพัง

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 25 ก.พ. 2563 เวลา 10.31 น. • เผยแพร่ 25 ก.พ. 2563 เวลา 09.48 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ไม่ว่าผลโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นอย่างไร? แน่นอนฝ่ายรัฐบาลข้ามผ่านไปได้ แต่สิ่งที่จะเผชิญข้างหน้าคงไม่ง่าย หลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ เกิดปรากฏการณ์นิสิตนักศึกษาหลายสถาบันลุกฮือต่อต้านความอยุติธรรม จนแฮชแท็กติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ อาทิ #ราชมงคลจะไม่ทนอีกต่อไป #เสาหลักจะไม่หักอีกต่อไป หรือว่าทางเดินของรัฐบาลจะไม่สวยหรูแล้วกับปัญหาวิกฤติศรัทธา เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องของเด็กอีกต่อไป

จากปัญหาที่หมักหมมและที่กำลังเกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณอันตราย สั่นคลอนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะจากการวิเคราะห์ของ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผ่าน “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ได้จัดอันดับสัญญาณอันตราย ออกเป็น 5 ข้อ เรียงจากอันตรายมากสุดมาถึงน้อยสุด ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว

  • สัญญาณอันตรายที่ 1 จากภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อทุกคน ทุกอุดมการณ์ทางการเมือง หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาในเวลาอันรวดเร็ว แม้จะมีนโยบายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถหมุนวนไปสู่เศรษฐกิจระดับล่างได้ จะเกิดปัญหาความเชื่อมั่นรัฐบาล ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศ รัฐบาลไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์ประชาธิปไตยเป็นตัวถ่วง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
  • สัญญาณอันตรายที่ 2 จากสถานการณ์ทางสังคมทั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 และฝุ่น PM 2.5 เพราะขณะนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในสังคม หากเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระยะ 3 ในไทย ซึ่งเรื่องความพร้อมรับมือจะเป็นอย่างไร หากเอาไม่อยู่ จะส่งผลกระทบต่อการเป็นอยู่ของประชาชน และส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในการบริหารประเทศ
  • สัญญาณอันตรายที่ 3 จากการยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นประเด็นที่มีการขยายตัวโดยกลุ่มพลังนิสิตนักศึกษา จากในอดีตเคยเกิดการชุมนุม 14 ต.ค.16 และต่อมากลุ่มพลังนิสิตนักศึกษาถูกปิดกั้นกวาดล้างในเหตุการณ์ 6 ต.ค.19 และหายไปนาน จนมาระยะหลังมีการฟื้นพลังนิสิตนักศึกษา กระทั่งมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ได้เกิดการเคลื่อนไหว มีการติดแฮชแท็ก เกิดเป็นแฟชั่นทุกมหาวิทยาลัยต้องออกมา ซึ่งในยุคการผันผวนทางการเมือง ไม่อาจคาดเดาได้

“คงไม่มีใครนึกว่าพลังนักศึกษาจะกลับมาอย่างรวดเร็วผ่านโลกโซเชียล ใช้แฮชแท็กจนติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ ยิ่งอนาคตใหม่ เชื่อมต่อสงครามบนอากาศ กับสงครามบนดิน ให้สามารถเกิดขึ้นได้ จะเกิดการเมืองบนท้องถนน จะต้องติดตามมองจุดนี้เป็นความเสี่ยง จากความต่อเนื่องในการทำกิจกรรม มีการนัดหมายในการชุมนุม ซึ่งทุกมหาวิทยาลัยต้องมาเจอกันที่ราชดำเนิน อาจเป็นการชี้วัด จากการรวมพลังของนักศึกษา หากสุกงอมเท่าไร ก็มีความเป็นไปได้สูง แม้มีประกาศคำสั่ง คสช.บังคับอยู่ แต่เมื่อผ่านการเลือกตั้ง อาจทำให้พลังนักศึกษามีความต่อเนื่อง ดังนั้นต้องรอดูปริบทต่อไป เช่นนายกฯ ลาออก หรือปฏิรูปองค์กรอิสระ อาจไม่เกิดเป็นประเด็นใหญ่ ต้องดูโครงสร้างการเมือง จะตอบสนองประชาชนได้หรือไม่”

  •  สัญญาณอันตรายที่ 4 เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย จากกรณีกองทุน ”1MDB” เป็นประเด็นที่อาจมีคนรู้ และสัมผัสได้ไม่ทั่วถึง เพราะเป็นเรื่องซับซ้อน เป็นบุคคลต่างชาติที่คนอาจเข้าไม่ถึง อีกทั้งเรื่องนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าจริงอย่างไร แม้ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช จะอ้างหลักฐาน แต่มุมรัฐบาลก็บอกว่าไม่จริง
  • สัญญาณอันตรายที่ 5 ปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล และพลังประชารัฐ ภายหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งผ่านพ้นไปด้วยคะแนนโหวต จะเกิดการต่อรองภายใน โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตร และการต่อรองภายนอกของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคภูมิใจไทย มี ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ เข้ามา ทำให้จำนวนที่นั่ง ส.ส. เข้าใกล้พรรคขนาดใหญ่ หรือมีบางส่วน เข้าร่วมพรรคถิ่นไทย จะมีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีใหม่ ซึ่งจุดนี้มีความเสี่ยง หากมีการโหวตกฎหมายสำคัญ มีโอกาสทำให้รัฐบาลตกม้าตายได้เช่นกัน หากเกมต่อรองไม่ลงตัว

*อย่างไรก็ตามมีจุดน่าสังเกตจากการเคลื่อนไหวการเมืองนอกสภา ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างก้าวหน้า ตรงข้ามกับการเมืองในสภากลับล้าหลัง มีการซื้อตัว ส.ส. ต่อรองซื้อตัว ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ แสดงให้เห็นความล้าหลัง ไม่มั่นใจว่าการทำงานการเมืองจะตอบสนองประชาชนได้หรือไม่ อาจเกิดความรุนแรงตามมาถึงขั้นปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งชั่วโมงนี้อาจไม่เกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นก็ได้ และอายุของรัฐบาลอาจจะสั้นลง แต่มองว่ารัฐบาลพอจะเอาตัวรอดได้ จนครบรอบ 1 ปีในเดือน ก.ค.นี้ *

ส่วนโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะลาออกจะมีมากกว่าการยุบสภา เพราะการเลือกตั้งใหม่ ตัวเลขของพรรคพลังประชารัฐจะได้ที่นั่งไม่เท่าเดิม และการลาออกของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างน้อยก็สามารถฟอร์มรัฐบาลได้ง่ายกว่า หากมีการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็สามารถกลับมาได้อีก เพราะ ส.ว.ยังอยู่อีก 5 ปี.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0