เรื่องนี้ไม่ต้องบอกคนใน"ทำเนียบรัฐบาล"ก็พอเดาออกว่าใคร ซึ่งหลายเหตุการณ์"กระแสข่าว"หรือ"ข่าวลือ"อะไรทำนองนี้ ก็คือความจริงที่มาก่อนเวลาเท่านั้น ที่เหลือก็รอให้มันปะทุเกิดขึ้นจริง
ได้ยินมาว่า รัฐมนตรีในกระทรวงเกรดเอ จากพรรคร่วม ที่ดูแลบิ๊กโปรเจ็กต์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เวลาอยู่ในวง"ประชุมครม."เมื่อ"นายกฯ"ถาม ก็ร่ายยาวแจงเป็นฉากๆ จนหลายคนงงเป็นไก่ตาแตก เห็นเงียบๆ แต่ตอบได้เพียบ จนมีคนไม่ค่อยปลื้มหรือไม่
ขณะที่"รองนายกฯ"จากพรรคร่วมอีกพรรคก็ดูจะมีจังหวะการเดิน การทำงานแบบไม่ต้องแคร์ใคร วงประชุมสำคัญบางวงที่ต้องเข้าก็ไม่เห็น การลงพื้นที่ร่วมคณะ"นายกฯ"ก็หาตัวแทบไม่เจอ ร่วมถึงรัฐมนตรีพรรคนั้นก็ด้วย แทบจะไม่มาสุงสิงอะไรกับพรรคที่เป็นตัวตั้งตัวตีจัดตั้งรัฐบาลเลย
ดูจังหวะการเดินของ2 พรรคร่วมที่มีส.ส. ประมาณครึ่งร้อย เป้าหมายชัดแจ้ง ว่าเร่งเตรียมความพร้อมเลือกตั้งรอบหน้าแล้ว รอแค่เวลาเท่านั้น คงได้เห็นอะไรพลิกพัน
ไม่รู้"พลังประชารัฐ"วางเป้าของตัวเองอย่างไร จะสู้เกมเขี้ยวของเพื่อนได้หรือไม่
อีกเรื่องที่คนดูเริ่มเบื่อกับคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(กมธ.ป.ป.ช.) ที่มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวชเป็นประธาน ไม่ลดราวาศอก จ้องเรียก"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"และ"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ"เข้าชี้แจงกรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนอยู่อย่างนั้น หวังจะให้มาด้วยตัวเองให้ได้
บรรดาองครักษ์พิทักษ์นายจึงแก้เกมส่ง"สิระ เจนจาคะ-ปารีณา ไกรคุปต์"ลงไปปะ ฉะ ดะ ก็ไม่ได้ผลอะไร แถมยังทำให้เหตุการณ์เลยเถิด จนอดสงสัยไม่ได้ว่า ใครเล่นการเมืองมากกว่ากัน บางครั้ง สู้อยู่เฉยๆ อาจยังดีเสียกว่า การส่ง "สิระ-ปารีณา" จึงไม่รู้ว่าคนใน"พลังประชารัฐ"คิดผิดหรือคิดถูก
ลองปล่อย "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์"ง้วนกับเรื่องนี้อยู่ฝ่ายเดียว ไม่ต้องไปเติมฟืนเข้ากองไฟ สังคมก็ยังเลิกสนใจ กระแสก็มอดไปเอง
เพราะถึงอย่างไร คนที่ถูกเรียกชี้แจง มีช่องทางอื่นที่สามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปด้วยตัวเอง
