โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รองโฆษกพปชร. ซัด "ปิยบุตร" ไม่รับมติกกต. นับเป็นความอับอายของนักก.ม.

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 13 ธ.ค. 2562 เวลา 04.51 น. • เผยแพร่ 13 ธ.ค. 2562 เวลา 04.51 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

รองโฆษกพปชร. ชี้ "ปิยบุตร" ไม่ยอมรับมติกกต. เป็นความอับอายของนักกฎหมาย และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของนักการเมือง เปรียบเหมือนนักฟุตบอลไม่ทำตามกติกา ชอบพุ่งล้ม-ออฟไซด์ แพ้ก็โทษกรรมการ
 
วันที่ 13 ธ.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ หรือ ’อ้น’ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงไม่เห็นด้วยกับมติ กกต.ที่ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค จากกรณีพรรคกู้เงินนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค 191 ล้านบาทว่า เพื่อป้องกันไม่ให้สังคมเกิดความสับสน จึงขอให้ความเห็นในอีกมุมหนึ่งและตั้งข้อสังเกตถึงข้อสงสัยของนายปิยบุตรว่า อาจจะไม่อยู่บนหลักเหตุผลของกฎหมาย ไม่พิจารณาจากข้อเท็จจริง และชี้นำสังคมเพื่อกล่าวหาองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบความโปร่งใสของนักการเมือง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า วิธีคิดตามหลักตรรกะทั่วไป และเหตุผลของนักกฎหมาย คือ พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองหรือเป็นบริษัทเอกชน หากเป็นพรรคการเมืองก็มาดูกฎหมายที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองซึ่งก็คือ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ชื่อตรงตัวเลย และฉบับที่ใช้บังคับอยู่ก็คือ พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งในมาตรา 62 กำหนดแหล่งรายได้ของพรรคการเมืองไว้ชัดเจนว่า มี 7 ประเภท คือ 1.เงินทุนประเดิม 2.เงินค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรค 3.เงินที่ได้จากการจำหน่ายสินค้าหรือบริการ 4.เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุน 5.เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการรับบริจาค 6.เงินอุดหนุนจากกองทุน และ 7.ดอกผลของเงินดังกล่าว เมื่อเข้าใจตามนี้แล้วก็มาดูว่า “เงินกู้” อยู่ในข้อใดหรือไม่ ก็ปรากฏว่าไม่ได้อยู่ใน 7 ประเภทที่ว่าเลย ดังนั้น “เงินกู้” จึงเป็นเงินนอกกฎหมาย เป็นเงินที่มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีกฎหมายข้อใดอนุญาตให้ทำได้ ดังนั้นที่ กกต.มีมติว่า เงินกู้ยืม 191 ล้านบาทเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 72 จึงเป็นการวินิจฉัยที่ถูกต้องแล้ว ฉะนั้นนายปิยบุตรไม่ควรยึดติดมาตราตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2550 ซึ่งเป็นกฎหมายเก่าที่ยกเลิกไปแล้ว

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ยังระบุถึงแหล่งเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือรวมทั้งเงินนั้นได้มาจากการฟอกเงิน คอร์รัปชัน การขายยาเสพติด หรือปล้น มาตามที่นายปิยบุตรกล่าวอ้าง และยังรวมไปถึงเงินอื่นๆ อีก เช่น เงินที่มีแหล่งรายได้นอกเหนือ 7 แหล่ง (ตามมาตรา 62) เงินบริจาคที่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี (ตามมาตรา 66) เงินที่รับมาจากบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย (ตามมาตรา 74) ดังนั้นนายปิยบุตรควรไปทำความเข้าใจบทบัญญัติของ พ.ร.ป.ฉบับนี้ให้ละเอียดอีกครั้ง การออกมาให้เหตุผลทางกฎหมายของนายปิยบุตรที่ไม่ยอมรับมติ กกต. จึงอาจเป็นที่น่าอับอายของนักกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญสูงในสาขามหาชน ซึ่งนายปิยบุตรควรกลับไปทบทวนอ่านหนังสือ “ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป” ของ ศ.ดร.หยุด แสงอุทัย ก่อนที่จะมาตัดสิน กกต. หรือใครว่าสอบตกหรือสอบผ่าน
 
ส่วนข้อสงสัยของนายปิยบุตรต่อการทำงานของ กกต. ว่า เร่งรัดคดีจนผิดสังเกตนั้น รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ข้อสงสัยของนายปิยบุตรเป็นการชี้นำสังคมเพื่อกล่าวหาองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบความโปร่งใสของนักการเมืองหรือไม่ เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงจะเห็นว่า กกต.ไม่ได้เร่งรัดการทำคดีนี้เป็นพิเศษแต่อย่างใดเลย กกต.ได้รับคำร้องจากคุณศรีสุวรรณเกือบ 7 เดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. และที่ผ่านมา กกต.ได้ขอเอกสารเพื่อพิจารณามาโดยตลอด พรรคอนาคตใหม่ต่างหากกลับเป็นฝ่ายเพิกเฉยและบ่ายเบี่ยงไม่ส่งพยานหลักฐานเอกสาร และขอขยายเวลาเรื่อยมา ดังนั้นการกล่าวหา กกต.จึงอาจเป็นแท็กติกของนักการเมืองที่ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีแต่อย่างใด
 
น.ส.ทิพานัน ยังกล่าวถึงกรณีที่นายปิยบุตรเรียกร้องให้ กกต.ฟังเสียงสังคมว่า ไม่ทราบว่านายปิยบุตรกล่าวในฐานะนักกฎหมาย หรือนักการเมือง หรืออะไร เพราะในฐานะนักกฎหมาย นายปิยบุตรต้องทราบดีว่าองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบไม่ควรให้กระแสสังคมเป็นเครื่องชี้นำ กกต.ต้องทำตามหน้าที่คือพิจารณาตัดสินตามข้อตัวบทกฎหมายและพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ และในฐานะนักการเมือง นายปิยบุตรก็ต้องทราบดีอีกเช่นกันว่า ความเห็นต่างๆ ของสังคมมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับนายปิยบุตร ในสังคมประชาธิปไตยนั้น นายปิยบุตรควรยอมรับฟังความเห็นต่างด้วย ไม่ควรแนะให้คนอื่นเห็นตามตนเองและผู้สนับสนุนของตนเองเท่านั้น

“เมื่อทีมฟุตบอลของนายปิยบุตรทำฟาล์วเพราะหลงไปอ่านกติกาผิดเล่ม  ไม่ทำตามกติกาใหม่ และไม่ยอมศึกษาให้เข้าใจ ดึงดันจะเล่นแบบเดิมจนละเมิดกติกาและถูกลงโทษให้เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน พอโอกาสชนะไม่ค่อยมี แทนที่จะเล่นในเกมต่ออย่างสมศักดิ์ศรี กลับใช้แท็กติกพุ่งล้ม ทำออฟไซด์บ่อยๆ ให้ผู้ชมเห็นว่าการที่กรรมการเป่าเตือนหรือตัดสินเป็นเพราะกรรมการกลั่นแกล้ง พอผลแข่งแพ้ก็โทษกรรมการ โทษกติกาว่าไม่ยุติธรรม ในการกระทำเช่นนี้ถือว่าทีมไม่เคารพกติกา ไร้น้ำใจนักกีฬา เล่นไม่สมศักดิ์ศรี และไม่เคารพแฟนฟุตบอลที่สนับสนุนทีม หากยิ่งทำต่อไปคงจะมีเพียงกลุ่มฮูลิแกนที่สนับสนุนทีมเท่านั้น” น.ส.ทิพานัน กล่าว.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0