โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

รวมไว้ให้แล้ว! 7 สิ่งน่ารู้ หลังจบศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนนี้

ขอบสนาม

อัพเดต 15 ก.พ. 2561 เวลา 03.21 น. • เผยแพร่ 12 ธ.ค. 2561 เวลา 22.40 น. • ขอบสนาม
รวมไว้ให้แล้ว! 7 สิ่งน่ารู้ หลังจบศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนนี้

1 ชัยชนะนัดประวัติศาสตร์ของ ยัง บอย เบิร์น

 

ทีม ยังบอย จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แม้ว่าจะกลายมาเป็นขาประจำของรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในช่วงหลัง แต่ว่าก็อย่างที่เห็นว่าเข้ามาทีไรก็เป็นไม้ประดับคอยแจกแต้มอยู่ทุกครั้งไป ตั้งแต่เข้ามาเล่นในรายการนี้อย่าว่าแต่เข้ารอบ ชนะสักครั้งยังไม่เคยทำได้ ใครจะไปคิดว่าสถิติดังกล่าวจะมาหยุดเอาในเกมเมื่อคืนนี้

 

เกมนัดล่าสุดคือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของยอดทีมจาก สวิตเซอร์แลนด์ พวกเขาเปิดบ้าน สต๊าด เดอ ซูอิส เอาชนะ ไอ้ม้าลาย ยูเวนตุส ตัวเต็งของรายการนี้จากประเทศอิตาลี 2-1 จากสองประตูของ กิโยม โอยาโร่ และมันคือชัยชนะในรายการนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ซึ่งแม้ว่าสุดท้ายพวกเขาจะตกรอบด้วยการเป็นอันดับบ๊วย แต่ว่าก็ยังมีเรื่องน่ายินดีในการตกรอบครั้งนี้เช่นเดียวกัน

 

*2 วันดับอีกครั้งของทัพ “ปีศาจแดง” *

 

แม้ว่าจะผ่านเข้ารอบไปแล้ว แต่ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ต้องพลาดการเข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะแชมป์กลุ่มไปอย่างน่าเสียดาย เพราะว่า ยูเวนตุส อุตส่าห์พลาดให้แล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ดันฉวยโอกกาสเอาไว้ไม่ได้ ด้วยการบุกไปพ่ายให้กับ บาเลนเซีย ด้วยฟอร์มการเล่นอันสุดแสนจะน่าอับอาย

 

ในเกมนัดนี้พวกเขากว่าจะยิงตรงกรอบเป็นครั้งแรกก็ต้องรอถึงนาทีที่ 72 แถมยังมาโดนประตูแบบให้โดนล้ออีกเมื่อ ฟิล โจนส์ สกัดพลาดเข้าประตูตัวเอง ก่อนที่สุดท้ายทีมจะเป็นฝ่ายพ่ายไป 2-1 ได้รองแชมป์กลุ่ม และมีโอกาสเจองานหินกับศึกรอบน็อกเอาต์ ซึ่งจากผลที่แพ้ บาเลนเซีย ในวันนี้ ก็เป็นอีกครั้งที่ทีม “ปีศาจแดง” มีผลงานไม่ดีในการเจอกับทีมจากประเทศสเปน โดยไม่ชนะมา 6 นัดติดแล้วเมื่อเจอคู่ปรับจากแดนกระทิงดุ

 

*3 ความบรรลัยของ เรอัล มาดริด *

 

เป็นอีกทีมที่ผ่านเข้ารอบไปแล้ว แต่ว่าก็เป็นประเด็นให้พูดถึงเหมือนกันสำหรับ เรอัล มาดริด กับเล่นนัดสุดท้ายในรังเหย้าของตัวเองของรอบแบ่งกลุ่ม แต่ว่ากลับโดน ซีเอสเคเอ มอสโก บุกมาขยี้คาบ้าน 3-0

 

แม้ว่าจะดร็อปผู้เล่นตัวหลักเอาไว้หลายคนเนื่องจากเข้ารอบไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ว่านี่ก็คือผลการแข่งขันที่โดนวิจารณ์เป็นอย่างยิ่งสำหรับแข้ง “ราชันชุดขาว”​และนี่คือการพ่ายแพ้ในบ้านตัวเอง รัง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ที่พวกเขาภาคภูมิใจ แบบย่อยยับที่สุดในประวัติศาสตร์การเล่นรายการนี้เลยทีเดียว

 

4 สถิติสุดโหดของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

 

ก่อนเกมที่พบกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ฝั่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นผ่านเข้ารอบไปเป็นที่เรียบร้อย โดยขอเพียงแค่ผลเสมอก็จะการันตีการคว้าแชมป์กลุ่มทันที แต่ว่าทีม “เรือใบสีฟ้า” นั้นทำได้เกินเป้าในการเจอกับคู่ปรับรายนี้ โดยพวกเขาได้สองประตูจาก เลอรอย ซาเน่ พาทีมเอาชนะไปได้สำเร็จ ซึ่งชัยชนะในนัดนี้ส่งผลให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีสถิติทำทีมได้แชมป์กลุ่มของรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 9 จาก 10 ฤดูกาลที่คุมทีมลงแข่งในรายการนี้ สมราคาเต็งหนึ่งของรายการ

 

5 ลียงคือทีมที่ 16

 

หลังจากที่ก่อนจะเริ่มคืนวันนี้เราได้ทีมที่เข้ารอบน็อกเอาต์ไปแล้วทั้งสิ้น15 ทีมดังที่เราได้สรุปไปเมื่อวาน โดยโควต้าสุดท้ายก็คือการแย่งกันระหว่าง โอลิมปิก ลียง และ ชัคเตอร์ โดเนสต์จากประเทศยูเครน โดยก่อนเกมนั้น ลียง โดนมองว่าเป็นรองเหมือนกันว่า ชัคเตอร์เป็นทีมที่เล่นในบ้านได้อย่างแข็งแกร่งและก็เกือบจะเป็นอย่างที่หลายฝ่ายมองเอาไว้

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะโดนนำไปก่อนแต่ว่า ลียง ก็ไม่ลนลาน และสุดท้ายก็มาได้ประตูโทนจาก นาบิล เฟคีร์ ในช่วงนาทีที่ 65 และมันก็เพียงพอที่จะทำให้ทีม โอแอล ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ โดยไม่แพ้ใครเลยแม้แต่นัดเดียวในรอบแบ่งกลุ่ม

 

6 ใบแดงของ มุลเลอร์

 

โธมัส มุลเลอร์​ นั้นเป็นนักเตะที่ไม่ค่อยมีเรื่องการฟาวล์สักเท่าไหร่ แค่ฟาวล์ยังยากการโดนใบเหลืองใบแดงนั่นก็ยิ่งเป็นของหายาก แต่ว่าในเกมล่าสุดที่พบกับ อาแจ๊กซ์​ อัมสเตอร์ดัม เราก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นสักเท่าไหร่นั่นก็คือการโดนใบแดงไล่ออกจากสนามของ มุลเลอร์

 

นี่เป็นการโดนไล่ออกครั้งที่สองในอาชีพของตังเองอีกทั้งยังเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ที่เขาโดนใบแดง โดยตอนนั้นก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ที่ บาเยิร์น พบกับ บอร์กโดซ์ ซึ่งเกมนั้นเป็นครั้งแรกที่ตัวของ มุลเลอร์ ไล่ออกจากสนาม

 

7 เลวาน จอมถล่มประตู

 

แม้ว่าผลงานของ บาเยิร์น มิวนิค ยุคของ นิโก้ โควัช นั้นจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ หลายนัดที่พลาดท่าโดนตีเสมอแบบไม่น่าโดน แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิมก็คือการถล่มประตูของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงทีมชาติโปแลนด์

 

โดยในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ตัวของ เลวานดอฟสกี้ ซัดไปแล้วทั้งสิ้น 8 ประตู นำเป็นดาวซัลโวอยู่ในขณะนี้ รวมไปถึงลูกจุดโทษที่ช่วยเซฟตำแหน่งแชมป์กลุ่มให้กับ บาเยิร์น มิวนิค เพื่อที่มีโอกาสจะไม่ต้องเจอกับงานหินในรอบน็อกเอาต์

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0