รวบผัวเมียแสบ ตุ๋นลงทุนซิมมือถือ ตระเวนก่อเหตุทั่วอีสาน เช่าโรงแรมจัดงานสัมมนา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เหยื่อจำนวนมากหลงเชื่อ เสียหายกว่า 23 ล้าน
ตุ๋นลงทุนซิมมือถือ / เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 พ.ย. ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.สิงห์ไชย บานไชยสิทธิ์ รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ภูมิทัศน์ ปิติจิระนน สว.กก.3 บก.ป.
ร่วมกันแถลงจับกุมนายธนเดชหรือวรโชติ แพงไพรี อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/3 ม.1 ต.หนองเหียง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี และนางพนัชกร วงศ์ประทุม อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200/114 ม.2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น สองสามีภรรยา
ตามหมายจับศาลอาญา 1504-1505 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” โดยจับกุมนายธนเดช ได้ที่ลานจอดรถปั้มน้ำมันปตท. ริมถนนประเสิรฐมนูญกิจ แขวงจระเข้บัว เขตลาดพร้าว และจับกุมนางพนัชกร ได้ที่บริเวณป้ายรถประจำทางหน้าแห่งหนึ่ง ย่านถนนลำลูกกา ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวว่า กองปราบฯได้รับร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายหลายจังหวัดทางภาคอีสานว่า ถูกนายธนเดชกับนางพัชกร สองสามีภรรยา ซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือหลายเครือข่าย หลอกให้นำเงินมาร่วมลงทุน จำหน่ายซิมเบอร์สวย
อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลค่อนข้างสูง ทั้งแบบรายวันและราย 15 วัน แต่มีข้อแม้ว่าเงินลงทุนเริ่มต้นของแต่ละคน จะต้องไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท พร้อมกับมีการเช่าโรงแรมจัดงานสัมมนา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือด้วย
พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ช่วงแรกผู้ต้องหาจะจ่ายเงินปันผลให้จริง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจ มาร่วมลงทุนเพิ่มขึ้น จากนั้นจึงจะเริ่มออกลาย ไม่ยอมจ่ายเงินปันผล โดยอ้างว่าธุรกิจติดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ก่อนจะขาดหายการติดต่อไปในที่สุด
ที่ผ่านมา มีผู้หลงเชื่อถูกหลอกจำนวน 128 คน แต่ละคนร่วมลงทุนการลงทุน ตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสนบาท รวมความเสียหายกว่า 23 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้หลบหนี มาทำงานขับรถแท็กซี่ในกทม. จึงเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวนนายธนเดช ให้การรับสารภาพ ว่าร่วมกันเปิดโรงแรม จัดงานสัมมนาเชิญชวนผู้เสียหาย ให้นำเงินมาร่วมลงทุนจริง เพื่อต้องการหาเงินมาใช้ส่วนตัว ช่วงแรกจะนำเงินของสมาชิกใหม่มาหมุนเวียนจ่ายปันผลให้กับสมาชิกเก่า
“แต่เมื่อสมาชิกเริ่มเยอะขึ้น ก็เริ่มหมุนเงินจ่ายเงินปันผลไม่ทัน จนทำให้เกิดปัญหา สุดท้ายผมกับภรรายา ก็แบ่งเงินแล้วแยกย้ายกันหลบหนี กระทั่งมาถูกจับ” นายธนเดช ให้การ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 2 คนยังพบว่ามีหมายจับคดีลักษณะเดียวกันนี้ติดตัวอยู่อีก 9 คดีอีกด้วย จึงส่งตัวให้พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมประสานโรงพักเจ้าของหมายจับ มาอายัดตัวต่อไป
