รวบตัว แอดมินเพจชายรักชาย หลังล่อลวงเด็ก-เผยแพร่คลิปลามกอนาจาร

พลตำรวจตรีสำราญ นวลมา ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ ตำรวจ 191 แถลงการณ์จับกุม นายปกิต สุนทรวราภาส ซึ่งทำการเผยแพร่ภาพลามกอนาจารในสื่อโซเชียลมีเดีย และมีพฤติการณ์ล่อลวงเด็กชายไปกระทำอนาจาร
โดยก่อนหน้านี้ ตำรวจ 191 ได้รับการร้องเรียนทางเพจเฟซบุ๊กว่ามีผู้ใช้แอปพลิเคชันไลน์ ชื่อ "ปกิต" เผยแพร่ภาพลามากอนาจาร ในกลุ่มไลน์หลายกลุ่มจึงร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ สืบสวนจนทราบว่าผู้ที่เผยแพร่ พักอาศัยอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ ย่านประชาชื่น จึงนำหมายศาลเข้าตรวจค้นห้องพักของนายปกิต ซึ่งจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พบไฟล์รูปภาพลามกอนาจารกว่า 1,800 ภาพ และคลิปวิดีโอกว่า 960 คลิป
จากการสอบสวน นายปกิตให้การว่า ตนเองมีพฤติกรรมชายรักชายมา 20 กว่าปีแล้ว ที่ผ่านมาจะตระเวนหาเด็กชายอายุระหว่าง 13 ปี ถึง 17 ปี ตามสถานที่สาธารณะทั่วไป เช่น สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง, หอนาฬิกาห้วยขวาง, สวนรถไฟ และสวนจตุจักร เมื่อพบเป้าหมายก็จะเข้าไปพูดคุยตีสนิท ล่อลวงพาไปซื้อขนมหรือของใช้ที่เด็กต้องการ ก่อนจะหว่านล้อมขอมีเพศสัมพันธ์ แลกกับเงิน 100 – 200 บาท หรือ การเติมเงินเกมส์ออนไลน์ให้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ล่อลวงเด็กชายไปก่อเหตุแล้วมากกว่า 70 ราย ซึ่งการก่อเหตุแต่ละครั้ง ก็จะทำในพื้นที่สวน หรือ ตามห้องน้ำสาธารณะที่ลับตาคน และไม่เคยสวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรค ขณะมีเพศสัมพันธ์ก็จะถ่ายภาพ หรือคลิปวิดีโอเก็บไว้ เพื่อนำมาเผยแพร่ต่อตามกลุ่มไลน์ชายรักชาย ที่ตนเองเป็นแอดมิน ซึ่งมีมากกว่า 10 กลุ่ม อาทิ กลุ่มเสือใบ, กลุ่มเกย์มัธยม, กลุ่มเกย์ใต้, กลุ่มเด็กมอต้น, กลุ่มคนชอบเด็ก และกลุ่มรักเด็กชาย ซึ่งในแต่ละกลุ่ม มีสมาชิกอยู่กว่า 500 คน
นอกจากนี้ ยังพบว่านายปกิต เคยก่อเหตุกระทำอนาจารเด็กชาย อายุ 16 ปี ในพื้นที่ สภ.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ ถูกจับติดคุกอยู่ 5 ปี ก่อนจะพ้นโทษ และมาก่อเหตุซ้ำอีก เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งดำเนินคดีนายปกิตในข้อหาครอบครอง เผยแพร่สื่อลามกอนาจาร เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องรับโทษหนักขึ้น หากพบว่าสื่อลามกที่ครอบครอง เป็นสื่อลามกอนาจารเด็ก
ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ยังได้ฝากถึงผู้ปกครองที่มีบุตรหลานทั้งหญิงและชาย หากจะมาตามสถานที่ อาทิ สวนสาธารณะ ขอให้กำชับว่าอย่าให้หลงเชื่อบุคคลแปลกหน้าลักษณะนี้ เพราะผู้ก่อเหตุจะไม่ใช้ความรุนแรง แต่จะใช้วิธีตีสนิทสร้างความคุ้นเคยจนเด็กยอมทำตาม และทำให้คนร้ายลงมือก่อเหตุได้