วันนี้ (20 ก.ค.62) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อกำหนดทิศทางและนโยบายของกระทรวงพลังงาน ว่า ที่ประชุมได้เห็นตรงกันว่าจะร่วมบูรณาการทำงานด้วยกันเพื่อเป้าหมายประชาชนและประเทศชาติ โดยเฉพาะเน้นพลังงานจากพืชเกษตรที่จะมาเป็นหนึ่งในมิติขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ ที่จะต้องมีการยกระดับมากขึ้น เช่น ปาล์มน้ำมันที่จะนำมาผลิตไบโอดีเซลบี 7 บี10 บี20 และอ้อย ที่จะนำมาผลิตเป็นเอทานอล เป็นต้น
และในวันที่ 22 ก.ค.62 จะมีการประชุมร่วมกับปลัดกระทรวงพลังงาน เพื่อกำหนดเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการให้ต่อเนื่อง จากนั้นจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำกรอบการดำเนินงานในระยะ 3 เดือน (ส.ค.-ต.ค.62)
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นตรงกันที่จะผลักดันให้พลังงานในมิติของการสร้างโอกาสทางรายได้ ลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน เช่น กรณีการใช้กลไกของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ช่วยเหลือผู้มีรายได้ในการซื้อพลังงาน ที่ขณะนี้ใช้ซื้อส่วนลดราคาแอลพีจีครัวเรือน 45 บาทต่อ 3 เดือนนั้น จะปรับเงื่อนไขอย่างไรให้เข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับการพัฒนาพลังงานทางเลือกให้กับชาวบ้าน เช่น โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัยภาคประชาชน(โซลาร์ภาคประชาชน) ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่า ประชาชนยังไม่นิยมติดตั้งเท่าที่ควร จึงจำเป็นต้องมาพิจารณารายละเอียดต่อไปว่า เพราะเหตุใดและจะปรับเงื่อนไขหรือไม่ รวมถึงทำอย่างไรให้มีการสะสมพลังงานไว้ใช้ในช่วงกลางคืนด้วย