ชัยนาท - รพ.ชัยนาท แสดงความเสียใจ เหตุเจ้าหน้าที่ให้ช่างเข้าไปวัดผ้าม่านในห้องอัลตราซาวน์ ปล่อยให้ผู้ป่วยอั้นปัสสาวะ-อดอาหาร รอตรวจนานขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงายว่า วันนี้ (3 พ.ค.61) จากการกรณีเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อว่า เขตไทย ได้ลงภาพผู้ป่วยที่ไปรอใช้บริการหน้าห้องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง และเขียนข้อความว่า รพ.ชัยนาท สุดแย่ ! ปล่อยช่างฯ วัดห้อง ปล่อยให้คนไข้อดอาหาร-กลั้นปัสสาวะ- รออัลตราซาวน์ ไม่น่าเชื่อว่า โรงพยาบาล คณะแพทย์และพยาบาล โรงพยาบาลชัยนาท จะไม่มีคุณธรรมได้ขนาดนี้….โดยระบุว่า มีผู้ป่วยที่ไปใช้บริการเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ได้มาร้องเรียนกับเพจดังกล่าว ว่าหมอนัดให้อดอาหารและกลั้นปัสสาวะมาตั้งแต่เช้า จนเวลา 11.00 น. ก็ยังไม่ได้ตรวจ แถมโรงพยาบาล ยังให้ช่างก่อสร้างเข้าไปวัดขนาด ห้องอัลตราซาวน์ ปล่อยให้คนไข้ต้องอดอาหารกลั้นปัสสาวะรอคิวนานมาก
หลังเรื่องดังกล่าวเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียล ผู้บริหารโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร หลังทราบเรื่องได้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยนายแพทย์ถาวร สายสวรรค์ รองผู้อำนวยการด้านภารกิจบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ได้ออกมาแสดงความเสียใจ และขอโทษผู้ป่วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยชี้แจงถึงสาเหตุดังกล่าว ว่าตึกที่ให้บริการ เป็นตึกสร้างใหม่ที่เพิ่งเริ่มเปิดให้บริการ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งป้ายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้ยังไม่สมบูรณ์พร้อมใช้งาน แต่ที่ต้องเปิดตึกใหม่ให้บริการ เพื่อต้องการลดความแออัดของตึกเก่า จึงทำให้การบริการต่างๆ ยังไม่ได้รับความสะดวกสบายเท่าที่ควร
โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค. เวลาประมาณ 11.00 น. ได้มีช่างติดตั้งผ้าม่าน มาขอวัดขนาดห้องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตราซาวน์) เพื่อจะติดตั้งผ้าม่านภายในห้อง เป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเจ้าหน้าที่ ที่เห็นว่าใช้เวลาไม่นาน จึงอนุญาตให้ช่างเข้าไปวัดขนาดห้อง ทำให้ต้องหยุดให้บริการผู้ป่วยชั่วคราว แต่ก็ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็กลับมาให้บริการผู้ป่วยเหมือนเดิม
ส่วนเรื่องที่ต้องให้ผู้ป่วยอั้นปัสสาวะ เนื่องจากการตรวจผู้ป่วยทางช่องท้อง จะต้องให้มีน้ำในกระเพาะอัลตราซาวน์ เพื่อให้คลื่นความถี่ผ่านไปได้สะดวกตามอวัยวะที่ต้องการ หากไม่มีน้ำปัสสาวะ จะทำให้คลื่นความถี่ไม่สามารถผ่านไปได้ จึงต้องให้ดื่มน้ำและอั้นปัสสาวะไว้ รวมทั้งให้อดอาหาร เพื่อความสะดวกในการตรวจด้วย
ทั้งนี้ได้สั่งการและกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย หลีกเลี่ยงสิ่งต่าง ๆ ที่จะเป็นการขัดขวางการให้บริการแก่ผู้ป่วยล่าช้า โดยให้คำนึกถึงการให้บริการเป็นหลักก่อน และให้มีการสื่อสารให้ข้อมูลกับผู้ป่วยให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าใจในการบริการที่ขัดข้องของทางโรงพยาบาลขณะนี้
