การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดงานทดสอบความสนใจของนักลงทุน หรือ Market Sounding โครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน แปลง A มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยจะประกาศเชิญชวนเอกชนในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ติดตามจากรายงานคุณวชิรวิทย์ เลิศบำรุงชัย
"การพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ ให้กลายเป็นศูนย์คมนาคมพหลโยธิน จะทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงฮวงจุ้ยของกรุงเทพมหานครครั้งใหญ่ในรอบ 200 ปี" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ชวนนักลงทุนที่เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน หรือ Market sounding การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งมีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีกไทยและต่างประเทศ เช่น ซี.พี.แลนด์ เซ็นทรัลพัฒนา สิงห์เอสเตท สยามแม๊คโคร เดอะมอลล์ และแสนสิริ
จากการที่สถานีกลางบางซื่อมีขนาดพื้นที่ใหญ่มากจำเป็นต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับ จึงมีการรจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ศูนย์คมนาคมพยลโยธิน พื้นที่รวม 2,325 ไร่ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 9 แปลงมีระยะการพัฒนา 3 ระยะ มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2565,2570,2575 ตามลำดับ
ในเบื้องต้นการรถไฟแห่งประเทศไทยจะนำพื้นที่เชิงพาณิชย์แปลง A มีเนื้อที่ประมาณ 32 ไร่มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของสถานีกลางบางซื่อ มาพัฒนาเป็นศูนย์กลางธุรกิจครบวงจร โดยเป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงาน โรงแรม และพื้นที่การค้าปลีก เพื่อให้สอดรับกับการเปิดให้บริการของสถานีกลางบางซื่อในปี 2564
โดยนักลงทุน จะลงทุนในรูปแบบ PPP ทั้งการออกแบบ ก่อสร้าง หาเงินทุน บริการจัดการ และส่งมอบ ในระยะสัมปทาน 30 ปี
รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย วรวุฒิ มาลา บอกถึงระยะเวลาในการดำเนินการจะเริ่มจาก- เดือนมกราคม ปี 2562 ประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน - เปิดขายเอกสารคัดเลือกเอกชนในเดือนกุมภาพันธ์ - เดือนเมษายน ยื่นข้อเสนอ - เดือนสิงหาคมลงนามสัญญาร่วมทุน - กลางปี 2564 พื้นที่แปลง A เปิดให้ประชาชนเข้าใช้บริการบางส่วน
สำหรับศูนย์คมนาคมพหลโยธิน จะเป็นศูนย์กลางระบบรางอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งรถไฟทางไกล รถไฟชานเมือง รถไฟฟ้าในเมือง และรถไฟความเร็วสูง มีการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง ทั้งยังนำหลักการพัฒนาพื้นที่โดยรอบศูนย์กลางคมนาคม มาใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาพื้นที่ เมื่อแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2566 สถานีกลางบางซื่อจะเป็นสถานีรถไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีมาตรฐานเทียบเท่าสถานีกลางต่างๆ ทั่วโลก