โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ย้อนเส้นทางชีวิต!“อัสมา”อดีตอาจารย์สาวอนาคตดับวูบ รักหรือหลงคบผีพนัน แม่ผวา!ลูกถูกฆ่าปิดปาก

Manager Online

อัพเดต 16 พ.ย. 2561 เวลา 11.26 น. • เผยแพร่ 16 พ.ย. 2561 เวลา 11.26 น. • MGR Online

อดีตอาจารย์สาวชีวิตดับวูบกลายเป็นผีพนันเร่ร่อนหนีข้ามแดน ถูกอาจารย์โรงเรียนบดินทรเดชา 2 แจ้งจับ“ฉ้อโกง”เชิดเงินผู้ปกครองค่าเรียนพิเศษซัมเมอร์ /ออกอุบายหลอกยืมเงินเพื่อนสนิท/ ตุ๋นเพื่อนค้ำประกันเงินกู้เป็นหนี้นับล้าน /เปิดต้นตอหายนะที่มาโต๊ะบอลออนไลน์ลูกค้ากระเป๋าหนัก /ขายสมบัติปรนเปรอแฟนหนุ่มซื้อบิ๊กไบค์ ใส่พานคอนโดหรู

กลายเป็นเรื่องราวฉาวโฉ่ในแวดวงบุคลากรทางการศึกษา หลังเพื่อนๆ คนสนิท และผู้ปกครองโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงหเสนีย์) 2 รวมตัวแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.อัสมา ดำรงค์ผล อายุ 33 ปี หัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ก่อเหตุเชิดเงินผู้ปกครองนักเรียนที่จะเดินทางไปเรียนพิเศษภาคฤดูร้อน ที่ประเทศอังกฤษ รวมทั้งหลอกยืมเงินหลอกเซ็นเช็คค้ำประกันเงินกู้นอกระบบ และหลอกลงทุนกับบริษัท รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

สำหรับ น.ส.อัสมา หรือ"อาจารย์อัส" ถือเป็นอาจารย์สาวอนาคตไกลคนหนึ่ง หลังบิดาซึ่งเป็นคหบดีมุสลิมตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่งใน ต.ท่าทราย จ.นนทบุรี เสียชีวิตลง ก็ได้ทิ้งมรดกหลายสิบล้านไว้ให้ลูกๆ ทาง อัสมาเองได้รับมรดกจากพ่อมากว่า 20 ล้านบาท ด้านแม่ “อัสมา”สนับสนุนให้เธอได้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ เมื่อเรียนจบพร้อมพ่วงดีกรีเกียรตินิยมก็ได้เข้าทำงานเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กระทั่งไต่เต้าเป็นหัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษในที่สุด

ระหว่างที่สอนหนังสืออยู่นั้นก็ได้รู้จักสนิทสนมกระทั่งคบหาดูใจกับนายธนพัฒน์ อวยพร หรือเต้อ อายุ 29 ปี ชาว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งคือ เต้อเป็นชายหนุ่มที่ปากหวานเอาอกเอาใจเก่ง แต่ลึกๆ ภายในจิตใจเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน อยากร่ำอยากรวยเหมือนคนหนุ่มสาวในวัยสร้างตัวทั่วไป เต้อเป็นชายหนุ่มแต่งตัวดูดีมีรสนิยม ขับรถบิ๊กไบค์ BMW.คันงามที่ น.ส.อัสมา ซื้อให้ขับอวดสาวๆ ดูเผินๆ เหมือนคนมีฐานะแถมมีคอนโดหรู Than Living ย่านถนนประชาอุทิศ

เปิดเผยตัวตน “เต้อ”มักบอกคนอื่นเสมอ ว่า มี บริษัทส่วนตัว แต่ก็ไม่ให้ใครทราบว่าบริษัทของเขาทำธุรกิจเกี่ยวอะไร แต่เพื่อนๆ ของ อดีตอาจารย์สาว“อัสมา”พอรู้ระแคะระคายมาก็คือแฟนหนุ่มของอัสมา ชอบเล่นการพนันฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ ถึงขนาดกล้าเปิดโต๊ะแทงพนันออนไลน์เอง มีลูกค้าขาพนันกระเป๋าหนักขาประจำแทงพนันฟุตบอลออนไลน์ผ่านนายเต้อคู่ละแสนบาทถึงหลักล้านเลยที่เดียว

เผยแผนหาลูกค้า “อัสมา”ชวนกลุ่มเพื่อนๆสนิทร่วมร่วมลงทุนหุ้นทำโต๊ะบอลออนไลน์กับแฟนหนุ่มอ้างว่ามีกำไร 10-20 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ถ้าไม่ลงทุนก็ให้มาแทงพนันฟุตบอลต่างประเทศ ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์หรือหาลูกค้ามา จะได้ค่าคอมมิชชั่น 3-7 เปอร์เซ็นต์ แต่ได้ถูกเพื่อนๆปฏิเสธและเตือนเขาไปว่าการพนันไม่ทำให้ใครรวยยั่งยืน

ต่อมาไม่นานอดีตอาจารย์กับแฟนหนุ่มเริ่มเป็นหนี้เป็นสินจากการพนัน เงินขาดมือชักหน้าไม่ถึงหลัง จนต้องขายสมบัติที่ได้รับจากมรดกมาใช้หนี้ ขายบ้านหลังเก่าใน จ.นนทบุรี บ้านที่สระบุรี รถเบ๊นซ์ รวมทั้งยังแอบนำทองคำของแม่ไปขาย เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ เหลือแค่บริษัทที่พานักเรียนนักศึกษาไปเรียนซัมเมอร์ต่างประเทศเท่านั้นที่ยังไม่ได้ขายเพราะ “อัสมา”กู้เงินธนาคารมาซื้อโดยใช้ชื่อของเพื่อนคนอื่น

เมื่อผีพนันเขาสิงจนหมดหนทางลุกลามเหมือนเปลวเพลิงบริษัทที่ “อัสมา”ทำธุรกิจพานักเรียนมัธยม นักศึกษาไปเรียนพิเศษภาคฤดูร้อนต่างประเทศถึงคราวต้องร่มสลายกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง เมื่อทางผู้ปกครองและโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงหเสนีย์) 2 ติดต่อเลือกใช้บริการบริษัทของเธอ ให้พานักเรียนไปเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษแล้ว ก่อนจะรับเงินสดจำนวน 2.7 ล้านบาทจากโรงเรียนด้วยตัวเอง แต่เมื่อถึงวันเดินทางกลับเชิดเงินหนีหาย แถมซ้ำเติมบาปกรรมนำเอกสารสำคัญของเด็กนักเรียนทำธุรกรรมกู้เงินนอกระบบอีก 1 ล้านบาท ความแตกเมื่อเจาหนี้ติดต่อทวงถามตามรายชื่อในเอกสารธุรกรรมการเงิน

เงินที่หลอกลวงมาได้เท่าไหร่ก็ถมหนี้สินล้นพ้นเกินตัวไม่พอ อัสมาเริ่มถูกเจ้าหนี้ตามรังควาน จนต้องย้ายที่พักบ่อยๆ กระทั่งมาก่อเหตุหลอกยืมเงิน และหลอกค้ำประกันเงินกู้จากเพื่อนสนิทไล่ตั้งแต่เพื่อนมัธยม เพื่อนมหาวิทยาลัย และเพื่อนอาจารย์ที่ ม.กรุงเทพ จนทุกคนเอือมระอาในพฤติกรรมจึงมีการโพสต์เฟซบุ๊กเตือนภัยเพื่อนคนอื่นๆ จนทราบว่ามีหลายคนตกเป็นเหยื่อก็ได้รวมตัวเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และ สน.บึงกุ่ม บางส่วนก็มาแจ้งความที่กองปราบปราม

เมื่อทราบเรื่องราวฉาวโฉ่ ทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพต้นสังกัดก็คัดชื่ออาจารย์สาวอนาคตไกลออกจากสาระบบ บุคลากรของมหาวิทยาลัยทันที

ก่อนหน้านี้อัสมาเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูง เพราะเป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าใครจะเดือดร้อนอะไรมา ช่วยได้เขาช่วยทันทีไม่มีอิดออด แต่ท่าทีเขาเปลี่ยนไปเมื่อเริ่มคบหากับแฟนหนุ่ม

"ช่วงหลังๆ“อัสมา”ชอบโทรมาขอยืมเงินเพื่อนๆ อ้างว่าเดือดร้อนเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบ ถูกเจ้าหนี้ส่งคนมาคุกคาม พอถามกลับไปว่า “เต้อ”ไม่ช่วยอะไรเลยหรือ เขารีบปฏิเสธว่า “เต้อ”ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เชื่อว่า “อัสมา”รักแฟนคนนี้มาก ที่เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะรักและหลงแฟนหนุ่มคนนี้จนหัวปักหัวปำ ปกป้องแฟนหนุ่มคนนี้มาตลอด พอเพื่อนถามว่าเอาเงินไปใช้หนี้ให้แฟนหรือเปล่า เขาก็ปัดปฏิเสธ" เพื่อนอาจารย์สาวให้ข้อมูล

ทั้งนี้ก็มีเพื่อนบางคนก็ปฏิเสธเพราะยอดเงินที่อาจารย์สาวขอยืมนั้นไม่ใช่หลักพันหลักหมื่นแต่เป็นหลักล้านขึ้นไป เมื่อถูกขอร้องแกมอ้อนวอนจึงหาทางออกช่วยหานายทุนให้กู้และช่วยเซ็นเช็คค้ำประกันให้

"เขาโทรมาร้องห่มร้องไห้ เล่าว่าบริษัทขาดสภาพคล่องเพราะทำโครงการส่งนักเรียนไปเรียนซัมเมอร์ที่ประเทศอังกฤษ แต่ทางโรงเรียนและผู้ปกครองเด็กยังไม่จ่ายค่าดำเนินการให้บริษัทจึงต้องหาเงินมาสำรองจ่ายค่าเดินทางและค่าที่พักไปก่อน เห็นเขาเดือดร้อนก็สงสารจึงให้การช่วยเหลือไม่คิดว่าจะมาทำร้ายกันได้ลงคอ" เพื่อนสาวคนเดิมกล่าว

เพื่อนๆ ที่ถูกหลอกต่างพูดกันว่าที่เป็นแบบนี้เชื่อว่า แฟนหนุ่มน่าจะเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังโดยการชักชวน น.ส.อัสมา เล่นการพนัน หรือหลอกอัสมาให้กู้เงินมาจ่ายหนี้พนันให้ตนเองเพราะที่ผ่านมาอัสมาไม่เคยเล่นการพนันมาก่อนเลย เรื่องดังกล่าวหากจะโทษอัสมาเพียงฝ่ายเดียวก็ดูจะโหดร้ายเกินไป ที่เขาเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากนายเต้อแฟนหนุ่มด้วย "เพื่อนที่ถูกเธอทำให้เป็นหนี้โดยการค้ำประกันเงินกู้ 1.3 ล้านบาทกล่าว

หลังตกเป็นข่าวโด่งดัง น.ส.อัสมา ก็ปิดโทรศัพท์หนี ไม่มีใครสามารถติดต่อเธอได้อีกเลยแม้แต่คนในครอบครัว แต่เพื่อนบางคนยังคงติดต่อกับนายเต้อแฟนหนุ่มได้ เมื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นายเต้อก็อ้างว่าได้เลิกราและไม่ได้ติดต่อกับอัสมา มาสักพักแล้ว อีกทั้งนายเต้อยังอ้างว่าตัวเองก็ถูกอัสมาหลอกเอาเงินไป 2.5 แสนบาทอีกด้วย

นอกจากนี้ นายเต้อยัง ข่มขู่เพื่อนๆ ของอัสมาว่าอย่าลากตัวเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวด้วย เพราะเลิกกับอัสมาได้สักพักแล้ว แถมยังขู่อีกว่าจะดำเนินการฟ้องร้องทุกคนที่ให้ข่าวกับสื่อฯ

แต่แล้วเรื่องมาแดงขึ้นเมื่อทั้งคู่ได้จูงมือหนีไปฮ่องกงแล้วบินต่อไปอังกฤษด้วยกัน จึงเชื่อว่าทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอดเวลา และมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิด ส่วนตัวการสำคัญที่ทำให้ น.ส.อัสมา ถูกแจ้งความดำเนินคดีเชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากแฟนหนุ่ม

“เพื่อนๆ พร้อมให้อภัยเขานะ อยากให้เขามาเคลียร์ปัญหา ทุกอย่างมีทางออกเสมอ เรื่องเงินทองก็ค่อยมาผ่อนใช้เอา แม้ว่าเขาจะไม่เหลือทรัพย์สินอะไรแล้วก็ตาม” เพื่อนสาวคนสนิทคนหนึ่งของอาจารย์สาวกล่าว

ส่วนแม่วัย 70 กว่าปีก็ดีใจจนร้องไห้ ที่ทราบว่าบุตรสาวยังมีชีวิตอยู่ หลังเพื่อนโทรไปแจ้งข่าวว่า “อัสมา”หนีไปฮ่องกงและบินต่อไปประเทศอังกฤษพร้อมกับแฟนหนุ่ม ที่ผ่านมาแม่ของ “อัสมา”เครียดจนนอนไม่หลับเพราะไม่สามารถติดต่อกับลูกสาวได้ หวาดกลัวสารพัดว่าลูกสาวซึ่งเป็นความหวังของครอบครัวจะถูกแฟนหนุ่มทำร้ายหรือโหดร้ายกว่านั้นคือถูก"ฆ่าปิดปาก"

"ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยบอกอะไรให้แม่รับรู้ แม้แต่เรื่องคบหากับแฟนคนนี้ หรือเรื่องหนี้สิน พอมาทราบว่าลูกสาวถูกแจ้งความดำเนินคดีก็เกิดความทุกข์และพาลไม่ชอบนายเต้อเอาเสียเลย เพราะทำลูกแม่ลำบาก กลัวลูกถูกฆ่า อย่างไรก็ตามอยากให้ลูกกลับมาสู้คดี กลับมาหาแม่นะลูก มารดาอัสมาพูดเสียงสั่นเครือในวันที่เพื่อนของอัสมาคนหนึ่งโทรไปแจ้งข่าวให้ทราบ

โดยล่าสุดพนักงานสอบสวน สน.บึงกุ่ม ได้ออกหมายเรียก “อัสมา”แล้วให้มารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมตรวจสอบ“ธนพัฒน์-อัสมา”ได้เดินทางไปฮ่องกงและเดินทางต่อไปประเทศอังกฤษจริงหรือไม่

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0