ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดประเด็น 2 ลุง-ป้าใจบุญ เลี้ยงกองทัพนกพิราบ ไว้ที่บ้านในเขตห้วยขวาง และหลักสี่ จนสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้เพื่อนบ้านไปตามๆ กัน ย้อนไปติดตามกัน
ย้อนกลับไปช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว หลายคนตกตะลึงกับสภาพบ้านของ นายวีระศักดิ์ สุนทรจามร ชายเก็บของเก่า ฉายา “ลุงนกพิราบ” ในซอยอุดมสุข แยกสุทธิสารวินิจฉัย เขตห้วยขวาง ที่หมักหมมไปด้วยสิ่งของ หรือขยะมากมาย แถมยังใจบุญเลี้ยงนกพิราบไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้เพื่อนบ้านข้างเคียง
นอกจากกลิ่นอันไม่โสภาแล้ว ยังเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นดี ทำให้ชาวบ้านต้องร้องเรียนหน่วยงานรัฐให้เข้ามาช่วยแก้ไข ตลอดจนมีการบอกเล่าเรื่องบ้านลุงนกพิราบ ผ่านโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นข่าวดัง ก่อนที่สำนักงานเขตห้วยขวาง จะเข้ามาดำเนินการปรับภูมิทัศน์ และทำความสะอาดบ้านของนายวีระศักดิ์ เป็นการใหญ่
หลังเรื่องเงียบหายไปพักหนึ่ง ต่อมาก็พบว่า นายวีระศักดิ์ ได้กลับไปเลี้ยงนกพิราบ และบริเวณบ้านก็ส่งกลิ่นเหม็นอบอวลเช่นเดิม โดยเจ้าตัวอ้างว่า รู้สึกสงสารนกที่บินกลับมา จึงเริ่มให้อาหารอีกครั้ง แถมพื้นที่ใหม่ที่สำนักงานเขตจัดให้ ก็อยู่ไกลถึงย่านพระรามเก้า จึงยืนยันว่า จะเลี้ยงนกพิราบที่บ้านต่อไป ทำให้ปัญหาดังกล่าว ยังไม่มีทีท่าจะยุติลงง่ายๆ
ถัดจากปัญหาบ้านของนายวีระศักดิ์ แล้ว เมื่อเร็วๆนี้ ก็เกิดเรื่องลักษณะคล้ายกันภายในชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ เมื่อนางเดือนฉาย เพ็งปรีชา ถูกร้องเรียนว่า มีการเลี้ยงนกพิราบฝูงใหญ่ไว้บนบ้าน สร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนบ้าน เนื่องจากมูลนกมหาศาลส่งกลิ่นเหม็นชวนรำคาญ และเป็นแหล่งหมักหมมเชื้อโรค แถมขนนกยังปลิวว่อนเข้าบ้านใกล้เรือนเคียง
กระทั่งเขตหลักสี่ ต้องเข้าแจ้งเตือน และขู่ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด ซึ่งฝ่ายนางเดือนฉาย ก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี ก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าทำความสะอาดบ้านนางเดือนฉาย ยกใหญ่ จึงทำให้ปัญหาดังกล่าวยุติลง