โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ย้อนดราม่าสีกากี-นับถอยหลัง "บิ๊กแป๊ะ" เกษียณ ลูกน้องเปิดศึกรุมเขย่าเก้าอี้ การเมือง "กรมปทุมวัน" ร้อน!

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 24 ม.ค. 2563 เวลา 04.24 น. • เผยแพร่ 24 ม.ค. 2563 เวลา 04.24 น.
โล่เงินจ้า

เปิดศักราช 2563 ประเด็นข่าวอาชญากรรมที่ร้อนแรงต้องยกให้เหตุการณ์ยิงรถส่วนตัว “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต ผบช.สตม. ที่จอดอยู่หน้าสาริกา มาสสาจ ซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก

ทำให้ชื่อของ “บิ๊กโจ๊ก” กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง หลังเก็บตัวเงียบนานกว่า 9 เดือน เมื่อถูกเด้งไปสำนักนายกรัฐมนตรี

รถคันดังกล่าวถูกยิงไปกว่า 8 นัด เมื่อดูจากวิถีกระสุนแล้วยังคงเป็นปริศนาว่าคนร้ายประสงค์เอาชีวิต หรือหวังสร้างสถานการณ์กันแน่

ยิ่งสร้างความแปลกใจ เมื่อบิ๊กโจ๊กออกมาให้สัมภาษณ์ทันที ยืนยันมั่นใจเสียงหนักแน่นว่าสาเหตุที่ถูกยิงรถมาจากการร้องเรียนโครงการไบโอเมตริกซ์และรถสายอัจฉริยะของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วงเงิน 2,100 ล้านบาท ต่อ ป.ป.ช.

คำสัมภาษณ์ที่พุ่งตรงมาเขย่าขาเก้าอี้แม่ทัพสีกากีอย่าง “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ทันที เพราะเป็นหนึ่งในผู้ถูกยื่นตรวจสอบจาก ป.ป.ช.

แต่คล้อยหลังไม่กี่วันมีคลิปเสียงการพูดคุยระหว่างบิ๊กแป๊ะกับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ขณะนั้นทำหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ที่เดินทางไปต่างประเทศ ทำนองเตือน พล.ต.อ.วิระชัยอย่าเปิดแถลงข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นรายวัน

พร้อมระบุว่า รู้ในสิ่งที่บุคคลทั้งสองกำลังทำอยู่ สร้างความตึงเครียดและอึมครึมให้กับวงการสีกากี สร้างความหวาดระแวง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันชัดเจน

ด้านบิ๊กโจ๊กยังเรียกคะแนนอย่างต่อเนื่องหลังได้ยินคลิปเสียงดังกล่าว โดยระบุว่า “ผมในฐานะเป็นตำรวจเก่า ต้องบอกตรงๆ ว่ารู้สึกหดหู่จากการกระทำ พฤติกรรมแบบนี้ของผู้นำองค์กร ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงเรื่องเมื่อ 2 ปีก่อนที่มีการยิงรถนักข่าว การใช้อำนาจแบบไม่เป็นธรรม เป็นผู้รักษากฎหมายแล้วต้องทำตัวเป็นเยี่ยงอย่าง ที่บอกในคลิปว่าผมรู้กัน อย่างนี้พูดได้ไง ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ ใครไม่เป็นผมไม่รู้หรอก ผมไม่ได้คิดเรื่องที่จะกลับมา แต่แค่โดนมาเยอะ ควรพอเสียที นี่มันเป็นเรื่องจริยธรรม เป็นถึงผู้นำองค์กรแล้วสั่งแบบนี้ เมื่อสังคมได้รับรู้แล้วก็ควรลาออกไปเสียดีกว่า ต้องมีสปิริตมากกว่านี้ ลาออกเถอะ”

ร้อนถึง พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ต้องรีบออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า นั่งอยู่ด้วยขณะที่มีการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง ผบ.ตร.กับ พล.ต.อ.วิระชัย ซึ่งเป็นการกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาตามปกติ ในการทำงานให้เป็นพี่เลี้ยง ทำการกำกับ ดูแล ให้การสนับสนุน และปล่อยให้หน่วยที่รับผิดชอบได้ดำเนินการตามหน้างานตามปกติไป

ซึ่งในคดีนี้ ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนตามปกติ และได้รายงานให้ ผบ.ตร.ทราบเป็นระยะ

สำหรับเรื่องการอัดคลิปเสียงและมีการปล่อยเสียงสนทนานั้นลงในโลกโซเชียลมีเดีย ก็ไม่ทราบว่าใครอัด และอยากรู้เหมือนกันว่าใครทำ

เพราะโดยมารยาทแล้วการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างบุคคลนั้น ไม่ควรอัดบทสนทนาเอาไว้ ยกเว้นคู่สนทนาจะมีเจตนาแอบแฝงในทางที่ไม่ดีกับอีกฝ่าย

ด้านบิ๊กแป๊ะเองไม่ยอมถูกวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายเดียว แม้จะมีดราม่าคลิปเสียงหลุด ก็ยังให้สัมภาษณ์ตามสไตล์พูดน้อยต่อยหนัก “ถ้าผมจะอยู่เบื้องหลัง ทำไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เอาอย่างงี้ ใครกันแน่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ ที่ทำให้เขากลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง”

ก่อนที่วันที่ 24 ม.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนและสังคมโซเชียลมีเดียได้ตั้งประเด็นคำถามถึงกรณีที่สำนักนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ รอง ผบ.ตร. ท่านหนึ่งไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี นั้น

ขอเรียนชี้แจงถึงประเด็นคำถามว่า สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งที่ 22/2563 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจมาปฎิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี จริง ซึ่งคำสั่งดังกล่าว มีเหตุผลมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงานว่า พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. มีพฤติการณ์และการกระทำซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ในการอำนวยการยุติธรรม กระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นเหตุให้ราชการเสียหาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 24/2563 ลงวันที่ 21 มกราคม 2563 แล้ว

เพื่อประโยชน์แก่การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและเรื่องอื่นๆ ในมูลกรณีที่ประชาชนร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างตรวจสอบให้เป็นไปอย่างโปร่งใสมีความน่าเชื่อถือ และเพื่อให้เป็นที่ยอมรับแก่ประชาชนและผู้ร้องเรียน สมควรพิจารณาสั่งการให้ พล.ต.อ.วิระชัย ไปปฏิบัติราชการ นอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (4) แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม และให้ได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่มพิเศษและสิทธิประโยชน์อื่นใดไม่ต่ำกว่าที่ได้รับอยู่เดิม โดยเบิกจ่ายจากสังกัดเดิม

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นตันไปจนกว่าจะมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประการอื่น สั่ง ณ วันที่ 23 ม.ค.2563
หากย้อนดูสายสัมพันธ์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก่อนถูกสอยร่วงลงจากฟ้า เคยเป็นน้องรักของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ อุ้มชูกันมานานตั้งแต่สมัย พล.ต.อ.จักรทิพย์เป็น ผบช.ภ.9 แล้วเหตุใดเรื่องยิงรถจึงให้สัมภาษณ์สาดโคลนไม่เกรงใจกันอีกต่อไป

หรือทั้งคู่มีปัญหากินแหนงแคลงใจกันมานาน แต่ยังเรียก “พี่แป๊ะ” – “น้องโจ๊ก” เพื่อรักษาผลประโยชน์ร่วมกันหรือไม่

เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัว วงแตก จึงเปิดหน้าแลก มีเก้าอี้ผู้นำกรมปทุมวันเป็นเดิมพัน

เมื่อดูอายุราชการของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ยังเหลือเวลา 11 ปี เหตุการณ์ยิงรถครั้งนี้จึงทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อกลับมาสู่เส้นทางตำรวจอีกครั้งหรือไม่

เพราะถูกย้ายไปแบบไม่เต็มใจ ไปในตำแหน่งที่ไม่ใช่ไลน์ตัวเอง อยากกลับมา ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์เองเริ่มนับเวลาถอยหลังอีกไม่กี่เดือนจะพ้นตำแหน่งแม่ทัพสีกากีแล้ว

แต่การจะกลับมาในเส้นทางผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อีกคงไม่ใช่เรื่องง่าย หากแม่ทัพสีกากีคนใหม่ไม่ใช่คนสนิทชิดเชื้อกันมาก่อน

จึงมีกลเกมที่มีการออกมาให้ข่าว เพื่อให้มโนการเมืองสำนักปทุมวันว่า ใครบางคนสร้างตัวตนบนพื้นที่สื่อ เป็นการปูทางวางหมากเผื่อ ผบ.ตร.สะดุดล้มกลางทางก่อนเกษียณอายุราชการ แล้วเอาบุคคลที่มีอาวุโสลำดับแรกๆ หรือคนที่สามารถคอนโทรลได้ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน ผบ.ตร. เพื่อให้บุคคลดังกล่าวดึงตัว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กลับมาแต่งเครื่องแบบตำรวจอีกครั้ง

ทว่าเรื่องยิงรถบิ๊กโจ๊กผ่านไปเพียงไม่กี่วัน พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ รอง ผบก.อก. บช.ภ.9 อดีตรอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ออกมาเดินหน้าฟ้อง ผบ.ตร. ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 กรณีใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม

ทราบกันดีว่าคู่ขัดแย้งที่แท้จริงคือ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.

หลายฝ่ายจึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเกมรุมเขย่าขาเก้าอี้ ผบ.ตร. หรือไม่

เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ 16 ธันวาคม 2562 เวลาล่วงเลยมากว่า 1 เดือน ทำไมถึงเพิ่งตื่นมาฟ้องร้องว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม มีการรอรับสัญญาณอะไรหรือไม่

นับถอยหลัง 8 เดือน ผบ.ตร.ต้องถอดหัวโขนลงเก้าอี้ผู้นำกรมปทุมวัน แต่ “บิ๊กโจ๊ก” ยังมีอายุราชการ 11 ปี

ศึกสีกากีครั้งนี้ต้องรอดูกันยาวๆ ใครจะได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลและ พล.ต.อ.จักรทิพย์เป็นแม่ทัพสีกากีคนต่อไป

ถึงตอนนั้นจะรู้ว่า ดาวที่เคยจรัสฟ้า จะกลับมาเจิดจ้าอีกครั้ง หรืออับแสงนิรันดร์

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0