โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ยูทูบเบอร์คนตามหลักแสน เจ้าของธุรกิจเพื่อการศึกษาใน 3 ประเทศ เธอคือ PEACHII!

LINE TODAY

เผยแพร่ 31 มี.ค. 2561 เวลา 02.10 น. • #LINETODAYGIRLS

เราเชื่อว่าหลายคนเคยได้เห็นคลิปสอนภาษาของสาวไทยคนนี้ผ่านตามบ้าง และเชื่อว่าอีกหลายคนกำลังติดตามเธออยู่ เธอคือพีชชี่ ยูทูบเบอร์จากแชนแนลที่ตั้งตามชื่อของเธอว่า PEACHII และเพจดัง ชะนีพีชชี่ & สตีเฟ่นโอปป้า สาวไทยอายุ 26 ที่ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ทำคลิปสอนเรื่องภาษาและวัฒนธรรมจนมีคนตามหลักแสน และเป็นเจ้าของธุรกิจเพื่อการศึกษา GoUni ที่มีออฟฟิศอยู่ใน 3 ประเทศ วันนี้เธอได้มาเยี่ยม LINE TODAY ถึงที่ออฟฟิศไลน์ประเทศไทย (พร้อมกับแฟนคลับชาว Liner ที่รอเจอเธออยู่ครึ่งออฟฟิศ) เราเลยชวนพีชชี่มานั่งเม้าธ์มอยถึงทั้งเรื่องคลิป ชีวิตการอยู่ต่างแดน ความรัก และธุรกิจ พร้อมกับชาเลนจ์ Tongue Twister สนุกๆ แข่งกับตัวแทนทีม LINE TODAY จะสนุกและตลกขนาดไหน เลื่อนดูต่อด้านล่างได้เลย

ทุกคนรู้จักพีชชี่ในนามของเจ้าของช่อง YouTube “Peachii” และเพจ “ชะนีพีชชี่กับสตีเฟนโอปป้า” อยากให้เล่าเกี่ยวกับที่มาที่ไปหน่อยว่าเริ่มต้นมาจากไหน?

จุดเริ่มต้นมาจากการที่เราอยากทำอะไรสนองนี้ดตัวเองล้วนๆ เลย เพราะเราเป็นคนที่สนใจเรื่อง Cross Culture อยู่แล้ว เลยวางคอนเซปท์หลวมๆ ให้คลิปของเราพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนจะมาเป็นช่องใน YouTube พีชก็เริ่มจาก Socialcam ตอนนั้นเราเป็นคนที่ชอบดูอยู่แล้วและต่างประเทศก็เล่นกันเยอะด้วย พีชก็เริ่มถ่ายตอนที่ไปเรียนต่อที่อังกฤษ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครดูรึเปล่าหรือคนที่ดูเราอาจจะเป็นแม่เราแค่คนเดียวรึเปล่า แต่ก็อัดไปเรื่อยๆ นะ (หัวเราะ) พอดีกันกับที่เริ่มทำ GoUni เราก็เลยลองทำแชนแนลใน YouTube ขึ้นมา

ทำไมถึงสนใจประเด็นเรื่อง Cross Culture?

พีชอยากเชื่อมช่องว่างระหว่างคนดูที่ไทยกับประเทศอังกฤษที่เราอยู่ในตอนนั้นค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องวัฒนธรรมหรือภาษา เพราะมันก็มีหลายๆ เรื่องที่บ้านเราไม่เหมือนบ้านเขา บ้านเขาไม่เหมือนบ้านเรา อยากให้เขาเห็นถึงความแตกต่างและเข้าใจความแตกต่างนั้น

แล้วทำไมถึงตอนนั้นถึงเลือกไปเรียนต่อที่อังกฤษ?

เพราะที่อังกฤษเรียนแค่ปีเดียว (หัวเราะ) ไม่ๆ จริงๆ แล้วมันก็มีหลายปัจจัยอยู่ค่ะ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย มันมีเวลาว่างอยู่ พีชก็เลยไปเที่ยวอเมริกา และตอนที่ไปอยู่ที่นู่น เราก็รู้สึกได้เลยว่ามันเหมาะกับการไปเที่ยวมากกว่า ถ้าให้อยู่ยาวๆ อาจจะไม่เข้ากับเราซักเท่าไหร่ เพราะเราไม่อินกับสภาพบ้านเมืองเขา แต่กับประเทศอังกฤษ เขาเป็นประเทศเล็กๆ ที่มีความหลากหลายในวัฒนธรรม และพีชว่าถ้าอยากจะไปเรียนด้วยเที่ยวด้วย ประเทศใกล้ๆ ในแถบยุโรปก็น่าสนใจเยอะแยะ คงได้ประสบการณ์หลายๆ รสภายใน 1 ปีนี้ ก็เลยเลือกเป็นที่อังกฤษนี่แหละ 

พื้นฐานของการเรียนต่อในต่างประเทศ จำเป็นต้องมาจากโรงเรียนอินเตอร์ไหมถึงจะเรียนแล้วรอด?

พีชว่าไม่จำเป็นนะ เพราะตัวพีชเองก็เรียนในโรงเรียนไทยมาทั้งหมด เรียนเซนต์โยฯ จนจบมัธยม ตอนนั้นก็ไม่ได้มีโปรแกรมภาษาอังกฤษอะไร แล้วก็ไปต่อเอแบค เรียนด้านนิเทศศาสตร์ ซึ่งถึงจะเป็นหลักสูตรอินเตอร์แต่ไลฟ์สไตล์ในการเรียนก็ยังคงไทยมากๆ สำหรับภาษาอังกฤษ พีชว่าเหมือนมันค่อยๆ ซึมเข้ามาทีละนิดทีละหน่อยมากกว่า ค่อยๆ พัฒนาตามเวลา น่าจะเป็นเพราะความสนใจภาษาของตัวเราอยู่แล้ว และทัศนคติของเราที่อยากเรียนรู้มันด้วย

ยากไหมสำหรับการปรับตัวในต่างแดน?

สำหรับพีชคือไม่เลย เราเคารพในความแตกต่างเพราะฉะนั้นเวลาที่ไปเจออะไรมา จะเป็นแนว “เฮ้ย ที่นี่เป็นอย่างนี้นี่เอง” แทนที่จะ “เฮ้ย ทำไมที่นี่เป็นอย่างนี้วะ” พีชเลยไม่มีปัญหาในการปรับตัวเท่าไหร่ แต่ก็มีจุดที่ culture shock บ้างเล็กน้อยนะ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

ย้อนกลับมาตอนที่ทำคอนเทนต์บน YouTube ใหม่ๆ คลิปแรกที่ทำให้คนเริ่มรู้จักพีชชี่คืออะไร

เป็นคลิปที่พีชสอนสตีเฟ่นพูดไทยค่ะ อันนั้นเป็นตู้มแรก ซึ่งเราก็แค่ลองเทสต์กันเฉยๆ นะ เพราะพีชก็ไม่ได้แบบ เอ้อ ทำอันนี้แหละเดี๋ยวดัง เรายังคงอยู่กับการทำคลิปเพื่อสนองนี้ดของตัวเองจริงๆ มันเป็นทั้งคอนเทนต์ที่เราอยากทำ คอนเทนต์ที่เราอยากดูเอง และคิดว่าก็ต้องมีคนที่สนใจด้วย ฟีดแบคที่ได้รับมาเลยค่อนข้างดีมากๆ เริ่มมีคนเข้ามาสนใจเกี่ยวกับการเรียนต่อในประเทศอังกฤษ คนเริ่มมาถามว่าใช้ชีวิตที่นู่นเป็นยังไงบ้าง

ความรักกับแชนแนลใน YouTube อะไรมาก่อนกัน

พีชเป็นแฟนกับสตีเฟ่นก่อนค่ะ ไม่ใช่ว่าแบบ “เฮ้ย เธอๆ เราว่าเธอน่ารักดี มาทำคลิปด้วยกันเถอะ” นะ (หัวเราะ) เราคบกันตั้งแต่ปี 2013 แล้วก็เริ่มชวนเขามานั่งเป็นแขกรับเชิญอยู่ในคลิปตั้งแต่สมัยโซเชียลแคมแล้ว

ช่วยเล่าตอนที่พีชชี่เจอกันครั้งแรก กับสตีเฟ่นให้ฟังหน่อยได้ไหม?

เอาจริงหรอ มันยาวมากๆ เลยนะ (หัวเราะ) ถ้าสัมภาษณ์สั้นๆ พีชจะบอกว่าเราสองคนเจอกันเพราะอยู่ใกล้กัน ส่วนฟูลสตอรี่ก็คือเราเจอกันใน WeChat ซึ่งทุกคนจะถามว่าทำไมถึงเป็น WeChat ที่เป็นแอพแชทของจีน คราวนี้มันก็เริ่มยาวละ (หัวเราะ) คือตอนที่พีชไปอังกฤษใหม่ๆ เราก็เจอกับความ culture shock เบาๆ เพราะตอนอยู่อเมริกา เรามีเพื่อนเยอะมาก เมคเฟรนด์ก็ง่ายมาก แต่ที่อังกฤษคนไม่ค่อยเข้าหากัน และเราก็ต้องเป็นฝ่ายที่เข้าไปเริ่มต้นบทสนาเอง เพื่อนก็เลยแนะนำให้ลองใช้ WeChat สิ ซึ่งตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้รู้จักแอพนี้ คิดว่าเป็นอะไรที่คนที่นู่นใช้กันมั้ง ก็มานั่งกดเล่นๆ ดู มีฟังก์ชั่น Nearby ที่เอาไว้ใช้กดแอ้ดคนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน แต่ก็เจอแต่คนประหลาดๆ แอ้ดมา คิดในใจตอนนั้นว่าโดนเพื่อนหลอกแล้วแหละ พูดไปก็จะฟังเหมือนนิยายเลยเนอะ เพราะจังหวะที่พีชกำลังจะกดลบแอพจากมือถือปุ๊บ สตีเฟ่นก็โผล่เข้ามาในแถบ Nearby ปั๊บ และพอเห็นรูปโปรไฟล์ที่เขาใส่เสื้อยืดสกรีนคำว่า New York เราก็เชื่อมโยงเลยไงว่าใส่เสื้อแบบนี้ต้องมาจากอเมริกาแน่ๆ ทั้งๆ ที่อาจจะซื้อจากแค่ใน H&M ก็ได้ (หัวเราะ) เราก็แอ้ดไปเลย ส่งไปว่า Hi เขาก็ตอบกลับมาว่า Hi หลังจากนั้นก็เลยได้รู้จักกัน มารู้ทีหลังว่าที่นางมีแอพ WeChat ก็เพราะว่าต้องติดต่องานบริษัทกับลูกค้าชาวจีน

แล้วมาลงเอยกันได้ยังไง

ตอนแรกที่คุยกันเราเริ่มมาจากความเป็นเพื่อนมากๆ และเขาจะไม่ใช่ประเภทที่เข้ามาจีบเลยทันที เรียกว่าไม่มีความจีบเลยซักนิดเดียวก็ได้ พีชเคยขอให้เขาสอนไฟแนนซ์ เพราะเขาทำงานด้านนี้ และเรามีเรียน ไม่ถนัดจริงๆ นางก็ปฏิเสธ แต่จะเอาโน้ตสมัยเรียนให้ยืม จะนัดเจอกันเอาของ นางก็บอกว่าไม่ ไม่ว่าง อะไรอย่างเงี้ย จนเราก็ไม่เคยคิดว่าวันนึงมันจะมาคบกันได้จริงๆ เจอกันครั้งแรกก็ไม่ขอเบอร์เราด้วย เฟซบุคก็ไม่แลก เป็นเพื่อนกันมากๆ แต่ก็จะมีความห่วงใยที่มากเป็นพิเศษ 

คุยไปคุยมาก็ถึงจุดนึงที่เราก็เริ่มงงๆ แล้วว่าสรุปแล้วนี่เป็นเพื่อนหรืออะไร นางก็งงเหมือนกัน ก็เลยมานั่งคุยกัน แล้วนางก็ตัดสินใจขอเป็นแฟน แต่นี่เล่นตัวไง ตอบไปว่าขอคิดดูก่อน สวยไปอี๊กกกกก แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะว่าตอนนั้นเราก็ยังไม่แน่ใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบุคลิกของเขาที่มีความงงๆ เป็นคนที่อ่านยากมาก เราก็ไม่ชัวร์ว่าจะรอดหรือไม่รอด แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่า อ่ะ ลองดู ก็มาจนถึงทุกวันนี้

♡ #ชะนีพีชชี่กับหวีที่หายไป 😂 📷 by @oatkomkrich

A post shared by Peachii Chaychana (@iampeachii) on Oct 7, 2017 at 3:27am PDT

คบฝรั่ง vs. คบคนไทย ความต่างอยู่ที่ไหน

พีชว่ามันไม่มีความที่แบบแฟนฝรั่งดีกว่าแฟนคนไทยนะ เพราะทุกคนคือคนที่เราเลือกมาเป็นแฟนแล้วอ่ะเนาะ แต่ถ้าเทียบเรื่ององค์ประกอบหรือในตัวดีเทลก็จะมีความแตกต่างกันนิดๆ หน่อยๆ อย่างคนเอเชีย เขาจะมีความคาดหวังว่าผู้หญิงจะต้องเทคแคร์และมีความน่ารัก ไม่ว่าจะห้าวยังไง เธอต้องมีความมุ้งมิ้งนิดนึง แต่อย่างสตีเฟ่น พีชไม่ขอเหมารวมว่าเป็นแฟนฝรั่ง เพราะเราก็คบมาแค่คนเดียว เขาจะมีความแฟร์ ไม่ได้มีความคาดหวังว่าผู้หญิงจะต้องเซอร์วิสผู้ชายนะ เวลาอยู่บ้านก็ต้องทำงานบ้านนะ ความเป็นจริงคือเขาก็ช่วยพีชทำ บางครั้งก็ทำมากกว่าเราซะด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ ก็ชงชา ทำอาหารเช้ายกมาให้ที่เตียง พีชก็แบบ เฮ้ย เกรงใจเว่อร์ เขาก็พูดว่ามันคือสิ่งที่พ่อเขาทำแบบนี้ให้กับแม่ เราก็แบบ เฮ้ย นี่มันคือความอังกฤษหรือความพ่อแกคนเดียววะ (หัวเราะ)

รู้สึกยังไงเวลาที่คนมองเราเป็นไอดอลของหญิงไทยที่ประสบความสำเร็จในการคบกับชาวต่างชาติจนถึงขั้นแต่งงาน

คืออยากจะบอกว่าพีชมีแฟนฝรั่งมาแค่คนเดียว (หัวเราะ) และสำหรับพีช พีชก็ไม่ได้คบเขาเพราะว่าเขาเป็นฝรั่ง เราคบที่เขาเป็นเขา เวลาคนมาถามหรือปรึกษาว่าทำยังไงถึงจะได้แฟนฝรั่ง เราก็จะมีความลำบากใจนิดนึงเพราะสำหรับเรา สตีเฟ่นคือแฟนของพีช ไม่ใช่แฟนฝรั่งของพีชอ่ะ โอเค เราเข้าใจว่าหลายๆ คนมีรสนิยมชอบหน้าตาแบบฝรั่ง แต่บางคนก็พยายามมากๆๆๆ มากจนต้องฝืนตัวเอง ถึงรีเลชั่นชิพจะไปไม่รอด สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ก็พยายามดันทุรังไปให้ได้ ยอมเขาไปซะหมด เพราะแค่เขาคือฝรั่ง

แสดงว่ามีคนที่ติดตามส่งมาถามกันเยอะเรื่องนี้?

ใช่ค่ะ ก็มีลูกเพจส่งแมสเสจมาถามเหมือนกัน ปรึกษาว่าคุยกับหนุ่มฝรั่ง แต่คุยกับเขาไม่รู้เรื่อง ควรทำยังไงดีคะ ชอบเขามากๆ เลย อย่างแรกก็คือเราก็ต้องหัดพูดให้เป็น และที่สำคัญคือต้องไม่ลืมว่านี่คือความสัมพันธ์อ่ะ ต้องห้ามประนีประนอมในลักษณะที่ว่ายอมเขาทุกอย่างเพราะเขาคือฝรั่ง บางคนยอมให้เขาพูดจาหยาบคายลามกใส่เพราะคิดว่ามันคือสิ่งที่ฝรั่งเขาทำกัน ซึ่งผิด ถ้าเคาะเปลือกความเป็นฝรั่งออกไป เขาก็คือผู้ชายคนนึงที่พูดจาไม่น่ารักใส่คุณอ่ะ พยายามมองฝรั่งให้เป็นคนเหมือนกัน มีทั้งดีและไม่ดีปนกัน แล้วเราจะสกรีนคนที่ใช่ได้เอง

มาที่เรื่องธุรกิจของพีชชี่บ้าง ให้คำจำกัดความ GoUni ว่าเป็นธุรกิจหรืออะไร?

GoUni เป็น Education Consultancy Service ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือธุรกิจเพื่อการศึกษาค่ะ ถ้าอธิบายให้คนเข้าใจ เราก็จะบอกว่าเราเป็นเหมือนพวกเอเจนซี่เรียนต่อต่างประเทศ แต่ส่วนตัวแล้วพีชไม่ชอบคำว่าเอเจนซี่เท่าไหร่ เพราะมันเหมือนเราเป็นแค่ตัวกลางส่งเด็กไปเรียนแล้วจบ ความต่างของ GoUni คือเราเป็นที่ปรึกษาที่ช่วยแนะแนวให้เด็กแต่ละคนว่าเขาควรไปเรียนที่ไหนถึงดีที่สุดในด้านของเขา ช่วยปูพื้นตั้งแต่แรกเลย ถามประวัติ ถามเรื่องความสนใจ ช่วยหาข้อมูลให้ ช่วยเตรียมเอกสารยื่นสมัครให้ ช่วยตามผลให้ ไปจนถึงตอนยื่นวีซ่าและเป็นที่ปรึกษาให้ตอนที่ไปอยู่ที่นั่น

ทำไมถึงมีไอเดียอยากทำธุรกิจเพื่อการศึกษา?

จุดเริ่มต้นก็คือพีชไปคุยกับเพื่อนคนนึงที่ทำธุรกิจด้านนี้อยู่แล้ว เป็นเอเจนซี่ที่แนะนำเรื่องการเรียนต่อในประเทศอังกฤษซึ่งเขาก็ทำมาได้ 7-8 ปีได้ เราก็มาคุยกันว่าทำยังไงถึงจะยกระดับสิ่งนี้ขึ้นไปอีกหนึ่งเลเวลได้บ้าง เพราะตัวพีชเองก็เป็นนักเรียนต่างชาติที่นู่น และทุกปัญหาต่างๆ นานา เราก็ผ่านจุดนั้นมาแล้ว รู้ว่ามันมีการดิ้นรนยังไง และยากยังไง ซึ่งพอคุยกับเพื่อนคนนี้ซึ่งเป็นคนจีน เขาก็แชร์ปัญหาที่ฝั่งบ้านเขาก็ประสบพบเจอมาเหมือนกัน เรื่องความไม่โปร่งใสของเอเจนซี่ หรือการแนะนำไม่ตรงจุดกับความสนใจของเด็กจริงๆ ทำให้ตัวเด็กไม่ได้เรียนในโปรแกรมที่ดีที่สุด ความตั้งใจแรกของเราคือการทำเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ พอทำแผนธุรกิจเสร็จสรรพเราก็เอาไปพิทช์ที่ UCL แล้วก็ได้สปอนเซอร์จากทางมหาวิทยาลัย ไปตั้งออฟฟิศที่นู่นพร้อมกับที่ปรึกษาอีก 1 คน ก็เริ่มๆ มาจากตรงนั้น

จากไอเดียแพลตฟอร์มออนไลน์ตอนแรก ด้วยความที่ต้นทุนมันแพง เราเลยทำแบบออฟไลน์กันไปก่อน ประกอบกับตอนที่เริ่มๆ ทำ พีชก็เริ่มปล่อยคลิปออกมาพอดี กระแสมันเลยค่อนข้างดีมากๆ จากที่ตั้งใจจะทำเป็นสตาร์ทอัพเพียวๆ พอความต้องการเริ่มเยอะขึ้น เราเลยต้องทำเป็นกึ่งๆ SME กึ่งๆ สตาร์ทอัพผสมผสานกันไป และก็มาเปิดออฟฟิศที่ไทย และตอนนี้ก็มีออฟฟิศที่จีนด้วยค่ะ

ได้ติดตามเพจของ GoUni จะเห็นว่าหลังๆ มีคลิปวีดีโอที่พีชชี่พาไปตะลุยตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ อันนี้คือการใช้สกิลของการเป็น YouTuber มาผสมผสานในการโปรโมทธุรกิจหรือเปล่า?

พีชมองว่าการทำคลิปเป็นตัวช่วยที่จะทำให้เด็กๆ ได้เห็นโรงเรียนที่พวกเขาสนใจอยากไปเรียนได้แบบทุกมุมและเป็นอะไรที่เรียลจริงๆ เราก็เลยพาไปทัวร์ ไปดูให้เห็นเลยว่าแต่ละที่เป็นยังไงบ้าง ถามว่าดูวีดีโอของมหาลัยเองได้มั้ย มันก็ดูได้ แต่เขาก็ยกกองจริงจังมาเลย แพนแต่มุมสวยๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้พีชว่าลูกค้าฉลาดกว่านั้น เราก็เลยนำเสนอจากมุมมองของคนจริงๆ พาไปเดินดูจริงๆ เลย

เป็นทั้ง YouTuber เป็นทั้งที่ปรึกษาทางด้านการศึกษา เป็นทั้งไดเรคเตอร์ที่ดำเนินธุรกิจด้วย ซึ่งทั้งสามบทบาทนี้ พีชชี่ก็ต้องสวมบทบาทในคาแรกเตอร์ที่ต่างกันไป ยากไหม?

ก็ยากเหมือนกันนะคะ เราต้องสวมหมวกหลายใบ อย่างเวลาทำวีดีโอบล็อกก็ต้องใส่เอเนอร์จี้ ความบ้า ความร่าเริงเข้าไปเต็มที่ แต่เวลาที่สวมหมวกนักธุรกิจ ต้องมีไปคุยกับพาร์เนอร์ เราก็ต้องคงความน่าเชื่อถือ จะไปเฮฮามากก็ไม่ได้ เพราะมันดูไม่โปร และหน้าเราก็ไปอยู่บนแชนแนลของ GoUni ด้วย ก็ต้องมีการดีลกับทางมหาวิทยาลัยต่างๆ ด้วย แค่เรื่องปริมาณของงาน ก็พูดเลยว่ามันเยอะมาก เราทำเองทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ มันก็เลยเหนื่อยกว่าคนอื่นหลายเท่า และถ้าพูดถึงเรื่องการสลับบทบาท ด้วยความที่เราเป็น YouTuber ในวงการการศึกษาก็จะมีบางคนที่เป็นแนว conservative หน่อยๆ เขาก็จะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเรา แต่ด้วยความที่เราสร้างผลงานให้หลายๆ คนได้เห็น ก็จะมีคนคอยช่วยคอนเฟิร์มในสิ่งที่เราทำ

รางวัลของทุกความเหน็ดเหนื่อยคืออะไร

ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าไปต่อและสุดที่ตรงไหน แต่สิ่งที่ผลักให้เราทำต่อไปเรื่อยๆ ก็คือความที่การกระทำของเราเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนหลายๆ คนได้ การศึกษาคือการลงทุนเพื่ออนาคต และสิ่งที่พีชทำ มันช่วยให้คนๆ นึงมีชีวิตที่ดีขึ้นได้จริงๆ อย่างน้องๆ บางคนที่เราเห็นเขาตั้งแต่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เลย ได้คะแนน IELTS แบบ 4.5 เราช่วยเขาจนได้เรียนในมหาวิทยาลัย ในโปรแกรมที่เขาชอบ จนได้งานทำที่นั่น หรืออย่างน้องๆ ที่ส่งเข้ามาบอกว่าเขากล้าที่จะคุยกับฝรั่งแล้ว เรียนดีขึ้น เกรดดีขึ้น และที่ทำให้เราเซอร์ไพรซ์มากๆ คือลูกเพจคนนึงส่งรูปกระดาษที่คุณแม่เขาคัดคำศัพท์จากในวีดีโอเราออกมา เขาบอกว่าคุณแม่อายุ 70 แล้ว แต่แกไม่ได้เรียนหนังสือตอนเด็กๆ พอมาดูคลิปเราก็อินสไปร์ทำให้แกอยากเรียนภาษาขึ้นมา อะไรเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้คือกำลังใจของพีชมากๆ มันเลยแบบ เอ้อ เหนื่อยแต่ก็สู้จ้า มีแรงฮึดทำต่อค่ะ

สุดท้ายแล้ว อยากให้พีชชี่ฝากเคล็ดลับการพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ หน่อยว่ามีหลักอย่างไรบ้าง ?

พีชว่าจะเก่งภาษาอังกฤษแต่ตัวต้องอยู่ประเทศ เราต้องอาศัยความสตรองมากๆ เพราะมันจะมีคนคอยจิกกัดเราอยู่ตลอด ให้มองคนพวกนั้นเป็นมลพิษไปเลย เขานินทาลับหลังเราได้ เขาก็จะอยู่ข้างหลังเราต่อไปเรื่อยๆ ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อนเลย ไม่ใช่แค่กับภาษาอังกฤษอย่างเดียว แต่ไม่ว่ากับเรื่องอะไรที่เราอยากจะพัฒนา ปรับแอททิจูด เปิดใจ take it in แล้วลองทำดู บอกตัวเองว่าเราทำได้ ไม่ใช่คอยพูดแต่ว่าเราโง่ๆ พีชว่ามันไม่มีคนโง่หรอก มีแต่คนที่ไม่รู้ และความไม่รู้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราโง่ ที่สำคัญอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นๆ เพราะ แต่ละคนไม่เหมือนกัน และอย่ากลัวที่จะผิดพลาดค่ะ

ติดตามพีชชี่ได้ทางแชนแนล PEACHII เฟซบุคเพจ ชะนีพีชชี่ & สตีเฟ่นโอปป้า และอินสตาแกรม @iampeachii

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0