ธนาคารกลางยุโรป(ECB) หวั่นความเสี่ยงขาลงเศรษฐกิจยุโรป มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่0% ซึ่งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์พร้อมปรับคาดการณ์GDP ยุโรปปีหน้าจาก1.8% เหลือ1.7% จากความไม่แน่นอนด้านปัญหาภูมิรัฐศาสตร์สงครามการค้าความเปราะบางในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และความผันผวนตลาดเงินโลก
มาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตือนความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจยุโรป หลังการประชุมเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ต่อไป ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
พร้อมกันนี้ ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% ไปจนถึงช่วงฤดูร้อนในปี 2019
อย่างไรก็ตาม ECB ได้ประกาศยุติโครงการเข้าซื้อบอนด์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE (Quantitative Easing) ในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ หลังจากที่ได้เข้าซื้อบอนด์ในวงเงิน 15,000 ล้านยูโร หรือ 17,400 ล้านดอลลาร์ ต่อเดือน
ทั้งนี้ ในการประชุมของ ECB ได้ทบทวนปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปีนี้และปีหน้า โดยมีสาเหตุจากความไม่แน่นอนด้านปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ผลกระทบจากสงครามการค้า และมาตรการกีดกันทางการค้า รวมถึงความเปราะบางในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และความผันผวนในตลาดการเงินโลก
โดยมาริโอ ดรากี ชี้ว่าภาพปัจจัยเสี่ยง ทั้งจากการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศดังกล่าว เป็นการสะท้อนถึงยุโรปมีความเสี่ยงที่เป็นช่วงขาลง
ECB ยังได้คาดการณ์ GDP ของยุโรปในช่วง 4 ปีระหว่างปี 2018-2021 ทั้งนี้ ECB ได้ปรับลด GDP ของยุโรปในปี 2018 จะขยายตัวที่ระดับ 1.9% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.0% นอกจากนี้ ยังได้ปรับลดลงในปี 2019 สู่ระดับ 1.7% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.8%
สำหรับปี 2020 ได้คงตัวเลขคาดการณ์ GDP ยุโรปทรงตัวที่ระดับ 1.7% โดยเฉพาะในปี 2021 ซึ่งเศรษฐกิจยุโรปยังคงชะลอตัวลงต่อเนื่องในอัตราการขยายตัวค่อนข้างต่ำที่ระดับ 1.5% เท่านั้น
นอกจากนี้ ECB ได้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของยุโรป มีทิศทางที่ไม่แน่นอนทั้งปรับตัวสูงขึ้นและลดต่ำลงในช่วง 4 ปี แต่ก็ยังเป็นระดับที่อยู่ต่ำ 2.0% ที่เป็นอัตราเป้าหมายของ ECB
โดยในปี 2018 เงินเฟ้อในยุโรปจะปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 1.8% จากระดับที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.7% ส่วนในปี 2019 จะทรงตัวที่ระดับ 1.6% ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ 1.7% ในปี 2020 เงินยังคงทรงตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 1.7% แต่สำหรับปี 2021 แล้ว อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.8% ซึ่งสวนทางกับเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ธันวาคมนี้ และจับตาการส่งสัญญาณของเฟดเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า โดยที่นักลงทุนต่างคาดหวังว่า เฟดจะยินยอมยกเลิกความต้องการที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นครั้ง 4 ในปีนี้ เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากหมดแรงกระตุ้นจากมาตรการลดภาษี 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในปีหน้า
ถึงแม้ว่า นักวิเคราะห์บางส่วนยังเชื่อว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามเป้าหมายในปีนี้ แต่จะขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าด้วยความถี่ที่ลดลงจากเดิม ที่คาดว่าจะปรับขึ้น 3 ครั้ง และอีก 1 ครั้งในปี 2020 ก็อาจจะเหลือเพียง 1 ครั้ง
โดยเฉพาะในปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงท้าทายในโค้งสุดท้ายของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ จะสามารถกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในสมัยหน้าได้หรือไม่