โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ยืดชีวิต..ด้วยเทคนิคเซลล์กินเซลล์

เดลินิวส์

อัพเดต 17 มิ.ย. 2562 เวลา 05.03 น. • เผยแพร่ 17 มิ.ย. 2562 เวลา 03.06 น. • Dailynews
ยืดชีวิต..ด้วยเทคนิคเซลล์กินเซลล์
สายสืบสุขภาพมีเคล็ดลับยืดชีวิตด้วยกระบวนการเซลล์กินตัวเอง ที่ช่วยฟื้นร่างกาย อนาคตที่ดีในการรักษาอัลไซเมอร์ เหมาะอย่างยิ่งที่เบบี้บูมเมอร์จะใช้ไว้เตรียมรับมือ

มนุษย์ต่างตามหาการใช้ชีวิตที่ปลอดภัยจากโรคร้าย ยืดชีวิตให้อยู่กันคนรักให้นานที่สุด ท่ามกลางความลึกลับกระบวนการทำงานของร่างกาย และโลกต้องตกตะลึงเมื่อเจ้าของรางวัลโนเบลปี2559 ศาสตราจารย์โยชิโนริ โอซูมิ นักชีววิทยา ได้ค้นพบความลับหนึ่งในกระบวนการทำงานของร่างกายมนุษย์ หลังเฝ้าดูการมีชิวิตของยีสต์มาหลายสิบปี คำตอบนี้คือร่างกายมนุษย์สามารถเกิดกระบวนการAUTOPHAGYหรือการกินตัวเองของเซลล์ได้ เพื่อทำความสะอาดเซลล์ไม่ดี นำทางไปสู่การรักษาโรคแห่งความเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์ พาร์คินสัน มะเร็งและเบาหวานได้ นับเป็นการค้นพบที่สร้างความฮือฮาในวงการแพทย์เป็นอย่างมาก

สายสืบสุขภาพ ได้สืบไปถึงข้อมูล ''AUTOPHAGY''ในทรรศนะ ของแพทย์หญิงแอนเน็ต บอสเวิร์ธ แพทย์ชาวอเมริกันที่บอกเล่าคุณูปการของการค้นพบกระบวนการเซลล์กินตัวเองนี้ว่า แต่แรกทางการแพทย์รู้มาตลอดว่าร่างกายมนุษย์มีกระบวนการทำความสะอาดเซลล์ไม่ดีของตัวเอง ซึ่งบางคนก็ทำได้แต่บางคนทำไม่ได้ แต่ก็เป็นข้อมูลที่น้อยมาก เพราะรายละเอียดที่เหลือของกระบวนการนี้ยังเป็นความลับของร่างกายที่ยังไม่มีใครหาคำตอบได้ เมื่อศาสตราจารย์โยชิโนริ พบความเกี่ยวกันของกระบวนการนี้จากยีสต์เชื่อมโยงมายังสิ่งมีชีวิตอื่น…ปริศนาจึงกระจ่าง! เพราะสามารถให้คำตอบได้ว่าการทำงานนี้เกิดขึ้นแบบใด การบังคับกระบวนการทำงานทำอย่างไร และหยุดการทำงานได้อย่างไร เป็นต้น

นอกจากนี้ ''AUTOPHAGY'' ยังเป็นกระบวนการที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนในวัยเบบี้บูมเมอร์คืออายุ55ปีขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้มีร่างกายที่สะสมของเสียในเซลล์มานานหลายปี จากการให้อาหารแย่ๆแก่เซลล์สมอง ,หัวใจที่ไม่ได้พัก ,การสูบบุหรี่และความอ้วนที่มีมากกว่าวัยอื่นๆ ซึ่งเมื่อก่อนถ้าไปหาหมอเหมือนเรื่องที่ต้องหมดหวังและยอมรับสภาพ แต่ ''AUTOPHAGY'' กลับเป็นคำตอบที่ดีให้เบบี้บูมเมอร์มีความหวังในการดูแลตัวเองจนสามารถยืดเวลาบนโลกด้วยร่างกายที่ไม่ต้องปะผุมากนัก

“ถ้าเราส่องกล้องดูเนื้อเยื่อสมอง จะเห็นว่ามีเศษตกค้างอยู่ เศษตกค้างเหล่านี้คือพลักที่ถูกกำจัดไม่หมด และถ้าเปรียบเป็นขยะก็ควรมีรถขยะมาเก็บไป แต่บางทีในสมองของคุณก็อาจทำงานได้ไม่ดีนัก ถ้ามีขยะเล็กน้อยก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าขยะสะสมไปทุกปีๆ ขยะเหล่านี้จะกลายเป็นตัวบ่งชี้ถึงการเกิดโรคต่างๆ เช่น อัลไซเมอร์ พาร์คินสันและความจำเสื่อมได้ ถ้าเราเริ่มจำอะไรไม่ค่อยได้ หมายความว่าพลักเหล่านั้นสะสมตัวมากว่า15ปีแล้ว และจำนวนของพลักที่มากก็ส่งผลต่อการทำงานของสมองด้วย” ดร.แอนเน็ตกล่าว

กรณีนี้ดร.แอนเน็ตบอกว่าถ้าอยากเอาพลักออกก็ต้องทำกระบวนการ''AUTOPHAGY'' ร่างกายจะทำความสะอาดเซลล์และหมุนเวียนมาใช้ใหม่ ไม่ปล่อยให้ขยะตกค้างในอวัยวะต่างๆอีกต่อไป ยกตัวอย่างเช่น กรณีอวัยวะมีการอักเสบเรื้อรัง เช่น สมอง หัวใจ การอักเสบเรื้อรังทิ้งของเสียเอาไว้ ร่างกายเองก็ไม่สามารถกำจัดของเสียในเซลล์ได้''AUTOPHAGY'' จึงเป็นหน่วยที่จะช่วยทำงานนี้ได้ดี

นอกจากนี้ยังมีประโยชน์สำหรับคนที่ต้องลดน้ำหนักมากๆ แต่จะมีปัญหาหนังเหี่ยว โดยเฉพาะเบบี้บูมเมอร์ การทำ ''AUTOPHAGY'' จะดีกว่าการผ่าตัด เพราะการผ่าตัด หมอจะตัดได้เพียงผิวหนังส่วนเกินออกไป แต่เส้นเลือด เนื้อเยื่อ ส่วนที่ไขมันหายไป หรือความหมายคือของเสียต่างๆจะยังอยู่ แต่ถ้า ''AUTOPHAGY''ของเสียเหล่านั้นจะถูกรีไซเคิลหมุนเวียนมาใช้ใหม่ อีกทั้งไม่ทำให้เกิดปัญหาหนังเหี่ยวอย่างที่กลัวกันด้วย

ส่วนวิธีที่กระตุ้นให้เกิด''AUTOPHAGY''คือการอดอาหาร เพราะการอดอาหารทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้ร่างกายไปหาอาหารจากทุกระบบ และต้องหมายถึงแคลอรี่เข้าร่างกายที่เป็นศูนย์ ตามคำแนะนำของหมอแอนเน็ตให้คนที่กินคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก ต้องอดอาหารอย่างน้อย72ชั่วโมงจึงเกิดกระบวนการนี้ แต่คนที่กินไขมันเป็นหลัก อดอาหารเพียง12ชั่วโมงก็เกิด''AUTOPHAGY'' เป็นการปฏิบัติซึ่งแตกต่างกันที่ความทรมานจากความหิวและอาการปวดแสบท้อง เพราะคนกลุ่มแรกจะต้องอดทนมากกว่าและหลายคนอาจทำไม่ไหว ส่วนคนในกลุ่มหลัง แม้อายุ80ปีก็สามารถทำกระบวนการนี้ได้และทำได้มากถึง7วัน ซึ่งเกินความสามารถในการทำสิ่งแบบนี้ในคนวัยเดียวกัน จากที่ร่างกายได้ปลุกเซลล์ที่ไม่ยอมทำงานให้กลับมาขยันขันแข็งได้สักที

ซึ่งการอดอาหารเพื่อทำ''Autophagy''แบบนี้ถ้าเป็นเมื่อหลายร้อยปีก่อนไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะอาหารหายาก กว่าจะหาอาหารได้คงต้องอดกันหลายวัน อย่างไรก็ตามหมอแอนเน็ตก็ยกให้กระบวนการนี้เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการทำความสะอาดสิ่งตกค้างจากการอักเสบเรื้อรังของอวัยวะต่างๆ เช่น สมอง หัวใจและระบบอื่นๆของร่างกาย

ความรู้นี้อาจไม่ใหม่สำหรับคนในวงการสุขภาพ แต่สำหรับคนทั่วไปหากคิดจะเริ่มใช้กระบวนการนี้จริงจัง สายสืบสุขภาพแนะนำให้มีความรู้ในเรื่องนี้อย่างละเอียด ปรึกษาแพทย์และผ่านการฝึกมาเป็นลำดับจึงค่อยเริ่มกระบวนการนี้จะดีกว่า

ขอบคุณข้อมูลจากพญ.แอนเน็ต บอสเวิร์ธ และศ.โยชิโนริ โอซูมิ

สายสืบสุขภาพ : ศศิวรรณ์ เลิศวิริยะประภา

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0