โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

ยิงเยอะเร็วสุด!เปิดสถิติ-เกร็ดหลังเกมชปล.คืนวันพุธ

The Bangkok Insight

อัพเดต 18 เม.ย. 2562 เวลา 02.28 น. • เผยแพร่ 18 เม.ย. 2562 เวลา 02.26 น. • The Bangkok Insight
ยิงเยอะเร็วสุด!เปิดสถิติ-เกร็ดหลังเกมชปล.คืนวันพุธ

ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองฯ เลกสอง เมื่อคืนวันพุธที่ 17 เมษายนที่ผ่านมายิงกันกระจาย ลิเวอร์พูล บุกไปถล่ม ปอร์โต้ ถึงบ้าน 4-1 ทั้งที่มีโอกาสน้อยนิด ส่วนอีกคู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังเชือด ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แบบสุดมันส์และมีดราม่าท้ายเกม 4-3 แต่ตกรอบด้วยกฎอะเวย์โกล นี่คือสถิติและเกร็ดที่น่าสนใจหลังเกมทั้งสองสนาม

ภาพจาก : @ChampionsLeague
ภาพจาก : @ChampionsLeague

ปอร์โต้ 1-4 ลิเวอร์พูล

– ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรจากอังกฤษทีมล่าสุดที่ผ่านเข้าสู่รอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สองซีซั่นติด ต่อจาก เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำได้สามซีซั่นติด ช่วงระหว่างฤดูกาล 2006-07 ถึง 2008-09

– ปอร์โต้ มีโอกาสยิงมากถึง 15 ครั้งในช่วงครึ่งแรก ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในเกมครึ่งแรกของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้

– นับตั้งแต่ฤดูกาล 2017-18 เป็นต้นมา สามประสานแดนหน้า “หงส์แดง” (มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่) ทำประตูในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปคนละ 14 ลูกเท่ากัน

– ซาดิโอ มาเน่ กองหน้า ลิเวอร์พูล ทำไปแล้ว 10 ประตูในรอบน็อกเอาต์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งในบรรดานักเตะแอฟริกัน เขาทำได้เทียบเท่ากับ ซามูเอล เอโต้ (10) และเป็นรองแค่ ดีดิเยร์ ดร็อกบา (14) เพียงคนเดียวเท่านั้น

– มาเน่ ยังเป็นนักเตะคนแรกของ ลิเวอร์พูล ที่ทำได้ถึง 10 ประตูในรอบน็อกเอาต์ แชมเปี้ยนส์ ลีก

– ปอร์โต้ เป็นฝ่ายตกรอบ 6 จาก 7 ครั้งหลังสุดที่เข้ามาถึงรอบก่อนรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ ซึ่งรวมถึงสามครั้งหลังสุดในฤดูกาล 2008-09 (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), 2014-15 (บาเยิร์น มิวนิค) และ 2018-19 (ลิเวอร์พูล)

ภาพจาก : @ChampionsLeague
ภาพจาก : @ChampionsLeague

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-3 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

– นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีการทำถึง 5 ประตู ภายใน 21 นาทีแรกของเกม

– สเปอร์ส ทะลุเข้าสู่รอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 57 ปี และถือเป็นครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่รายการนี้เปลี่ยนชื่อจาก ยูโรเปี้ยน คัพ และ แชมเปี้ยนส์ ลีก

– นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อรายการมาเป็น แชมเปี้ยนส์ ลีก สเปอร์ส ถือเป็นสโมสรจากอังกฤษรายที่ 7 ที่เข้าถึงรอบตัดเชือก ต่อจาก ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซน่อล, ลีดส์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

– ซน ฮึง-มิน ดาวเตะ สเปอร์ส ทำไปแล้ว 12 ประตู ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งถือว่ามากสุดในบรรดานักเตะเอเชีย

– สเปอร์ส ผ่านเข้าไปชนกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในรอบรองฯ ซึ่งในทีมตอนนี้ของพวกเขามีอดีตแข้ง อาแจ็กซ์ ถึง 4 คน ได้แก่ แยน แฟร์ต็องเก้น, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, คริสเตียน อีริคเซ่น และ ดาวิซอน ซานเชซ

– ฤดูกาลนี้ ราฮีม สเตอร์ลิง กองหน้าฟอร์มฮอต แมนฯ ซิตี้ มีส่วนร่วมในการได้ประตูถึง 26 ลูก (ยิง 19 แอสซิสต์ 7) จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 20 นัดที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม

– เกมนี้ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพ “เรือใบสีฟ้า” ทำได้ถึง 3 แอสซิสต์ ซึ่งถือเป็นผู้เล่นคนที่สี่ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ที่ทำได้ 3 แอสซิสต์ในเกมเดียว ต่อจาก จอร์ดี้ อัลบา (บาร์เซโลน่า) อัคราฟ ฮาคิมี่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) และ ลีรอย ซาเน่ (แมนฯ ซิตี้)

– 7 ประตูหลังสุดของ แมนฯ ซิตี้ มี เดอ บรอยน์ เป็นคนทำแอสซิสต์ถึง 5 ประตู ทั้งที่ 146 ประตูก่อนหน้าในฤดูกาลนี้ เดอ บรอยน์ มีส่วนเป็นคนแอสซิสต์แค่ 3 ประตูเท่านั้น

– เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังไม่สามารถพา แมนฯ ซิตี้ เข้าถึงรอบรองฯ ถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ หลังจากที่อยู่กับทีมมา 3 ซีซั่น (2016-17 : ตกรอบ 16 ทีม, 2017/18 : ตกรอบก่อนรองฯ และ 2018/19 : ตกรอบก่อนรองฯ)

– แม้เป็นฝ่ายตกรอบ แต่ กวาร์ดิโอล่า ทำสถิติเป็นกุนซือที่เอาชนะสโมสรจากอังกฤษมากสุดในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จำนวน 10 ครั้ง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0