สวัสดีค่าา สาวซิสทุกคนน
เปิดตัวมาด้วยความชมพูหวานแหววแบบนี้ แน่นอนว่าในบทความนี้ก็ขออิงกับอะไรที่เป็นสีชมพูอย่างเรื่องของความรักสักหน่อยแล้วกันและสำหรับใครที่เป็นสายญี่ปุ่นหรือกำลังกุ๊กกิ๊กกับหนุ่มญี่ปุ่นอยู่ก็ต้องตามมาส่องบทความนี้ด่วน ๆ เพราะว่าเรามีคำแนะนำเอาไว้มัดใจหนุ่มญี่ปุ่นมาฝากกันด้วย
อย่างที่เราพอจะรู้กันอยู่นะคะว่าแต่ละชนชาติทั้งวัฒนธรรมและนิสัยใจคอก็จะแตกต่างกันไปแน่นอนว่าเรื่องไลฟ์สไตล์ความรักก็ต้องแตกต่างกันแน่นอน และยิ่งเป็นหนุ่มญี่ปุ่นที่ดูจะเป็นสายซึนเดเระโลกส่วนตัวสูงอยู่หน่อย ๆ จะอ่อยจะยังไงให้เขาประทับใจ ไม่ตกใจกลัวแล้วถอยหนีไปก่อน ลองมาดู 10 สิ่งไม่ควรทำถ้าหากคบกับคนญี่ปุ่นจากบทความนี้กันดูได้เลย
*.:｡*ﾟ‘ﾟ･.｡.:* *.:｡*ﾟ’ﾟ･.｡.:* *.:｡*ﾟ¨ﾟ･ .｡.:* *.:｡*ﾟ¨ﾟ･ .｡.:*
✖ 1. โทรศัพท์คุยกันนานๆ โทรถี่ๆ ✖
สำหรับข้อนี้คาดว่าน่าจะมาจากเนเจอร์ของคนญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมาก ๆ ไม่ว่าจะปฎิบัติต่อคนรู้จักหรือไม่รู้จักหรือแม้กระทั่งคนที่คบกันเป็นแฟนก็ตาม คู้รักญี่ปุ่นเลยไม่ค่อยโทรศัพท์คุยกันบ่อยเท่าไรค่ะ ( บางวันไม่โทรหากันเลยก็มีนะ ) ถ้าเกิดว่าเราโทรจิก โทรตามบ่อย ๆ จะทำให้เขารู้สึกอึดอัด ไม่เป็นส่วนตัวนั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าโทรคุยไม่ได้เลยนะ แอบไปสืบมาคนญี่ปุ่นเขาบอกมาว่าอย่างมากสุดก็โทรแค่วันครั้งก็พอแล้วค่า
✖ 2. ไลน์จิกอยู่นั่นแหละ ✖
สำหรับข้อนี้ก็เหมือนกับข้อที่แล้วเลยค่ะ เนื่องจากว่าชาวญี่ปุ่นเขาเคารพความเป็นส่วนตัวของเขามาก แม้แต่คู่รักก้ยังต้องเว้นระยะห่างซึ่งกันและกันเอาไว้บ้างพอมีคนมาชิทแชทส่งข้อความรัว ๆ หาเขาบ่อย ๆ คนญี่ปุ่นเลยจะรู้สึกแปลก ๆ และคิดว่าเราแอบจริงจังเกินไปรึเปล่านะ
ยิ่งเป็นคนวัยทำงานด้วยยิ่งแล้วใหญ่เลยค่ะ เพราะชาวญี่ปุ่นเขาจริงจังกับการทำงานมากที่สุดและไม่สามารถเล่นโทรศัพท์ในเวลาทำงานได้ค่า ขอแอบบอกนิดนึงด้วยว่าคำถามแบบว่าอยู่ไหน ทำอะไร ทำไมไม่ตอบ ไม่คิดถึงชั้นเหรอ ไม่ควรแชทถามเขาเด็ดขาดเพราะจะทำให้เขารู้สึกอึดอัด ไม่แน่เขาอาจจะกลัวและถอยห่างจากเราไปเลยก็ได้นะคะ
✖ 3. ตามมาดักรอถึงหน้าบ้าน ✖
ข้อนี้ก็เหมือนข้อที่ผ่านมาเลยค่ะ ด้วยความที่เนเจอร์ของคนญี่ปุ่นแอบมีโลกส่วนตัวสูงนิดนึงและรักความเป็นส่วนตัวเอามาก ๆ การที่เรามาดักรอหน้าบ้านโดยไม่มีเหตุผลหรือไม่ได้นัดกันมาก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นแฟนก็เถอะแต่เขาก็จะรู้สึกว่าเราก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเขาเกินไปรึเปล่า อาจจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดและไม่ปลอดภัยนั่นเอง สำหรับเราคิดว่าข้อนี้ไม่ใช่แค่คนญี่ปุ่น แต่คนทั่วไปก็น่าจะกลัวการกระทำทำนองนี้เหมือนกัน ถ้าไม่อยากให้เขากลัวคิดว่าเราเป็นสต็อกเกอรืก็ไม่ควรทำอะไรแบบนี้อะเนอะ
✖ 4. อย่าหึงหวงหรือขี้ระแวงเกินไป ✖
จากที่สังเกตหลาย ๆ ข้อที่ผ่านมาก็รู้สึกได้ว่าคนญี่ปุ่นเขาดูไม่ชอบคนจู้จี้จุกจิกเท่าไร ดูทรงแล้วน่าจะชอบคนที่ซอฟต์ ๆ อะไรประมาณนี้ การสวมบทนางร้ายหึงหวง ทำตัวขี้ระแวง พอเขาเผลอมองผู้หญิคนอื่นก็โวยวาย แบบว่าเธอมองผู้หญิงคนนั้นทำไม! อาจจะทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร เพราะถ้าสมมุติว่าเขาไม่ได้มอง
แต่พอเราพูดแบบนี้เขาจะรู้สึกว่าเราระแวงเกินไปรึเปล่า แต่ถ้าเกิดว่าเราไม่ค่อยสบายใจเท่าไร ก็อาจจะสวมบทให้ดูนางเอกนิดนึง พูดอ้อม ๆ ประมาณว่าคนนั้นดูดีจัง ทั้งน่ารัก นิสัยดี ฉันก็ต้องพยายามเหมือนกันละ เดี๋ยวอาจถูกเธอเปลี่ยนใจไปจากฉันเนอะ พร้อมกับยิ้มสวย ๆ ไปหนึ่งทีแค่นี้เองง
✖ 5. ไม่เชื่อใจกัน พูดบ่อยๆ ว่าโกหกล่ะสิ ✖
ส่วนข้อนี้ก็คล้าย ๆ กับข้อที่ผ่านมาเลยค่ะ อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วนะคะซิสว่าชาวญี่ปุ่นเขาซีเรียสเรื่องของการวางตัวและการรักษามารยาทอยู่พอสมควรเลย บางคนเวลาจะพูดความในใจยังพูดอ้อมแล้วอ้อมอีก การที่เราพูดประมาณว่าโกหกล่ะสิ โกหกอยู่แน่ ๆ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามแต่ พอเราพูดบ่อย ๆ เข้าก็อาจจะทำให้เขารู้สึกว่าเราไม่เชื่อใจเขารึเปล่าอะไรแบบนี้นั่นเองค่า
✖ 6. อย่าเหวี่ยงใส่ถ้าแฟนไม่มีเวลามาเจอในวันหยุด ✖
ส่วนประเด็นนี้ก็เหมือนกันเลยค่ะ เนื่องจากว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เขามักจะมีโลกส่วนตัวสูงและส่วนมากจะจริงจังกับการทำงานมาก ๆ เลยด้วย อย่างเช่นหลายข้อที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าไม่มีอะไรมาขัดขวางการทำงานของเขาได้ แม้จะแวบมาคุยแชทเล่นโทรศัพท์ยังไม่ได้เลย
และด้วยความที่เขาเป็นคนจริงจังกับงานมาก ๆ เวลาที่เราไปเซ้าซี้ให้เขาเลือกงานมากกว่าเรา แบบว่าทำไมไม่ทำตัวให้ว่างในวันหยุดเพื่อชั้นล่ะ? หรืองานกับชั้นอะไรสำคัญกว่า อะไรแบบนี้ไม่ควรพูดเด็ดขาดเลยค่ะ เผลอ ๆ ถ้าเขาเลือกงานมากกว่าเราอาจจะมีคนเสียน้ำตาก็ได้นะเอ้อ
✖ 7. รบเร้าให้พาไปเจอพ่อแม่ ✖
สำหรับประเด็นนี้เขาบอกมาว่าเป็นเรื่องปกติที่คนญี่ปุ่นถ้าคบใครแล้วเขาไม่ค่อยพาไปเจอพ่อแม่กันค่ะ จะมีส่วนน้อยมาก ๆ อย่างเช่นญี่ปุ่นอินเตอร์จบนอกอะไรแบบนี้ สำหรับเราคนไทยเข้าใจว่าคงกลัวว่าเขาจะไม่จริงจังกับเรา หรือกลัวว่าเขาจะปิดอะไรเราอยู่รึเปล่า
อย่าเพิ่งคิดมากตีความไปไกลจนปวดหัวค่ะ ความจริงแล้วมันอาจจะคิดว่ามันยังไม่ถึงจังหวะเวลาก็ได้เพราะสำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว เขาจะพาไปเจอพ่อแม่ก็ต่อเมื่อมั่นใจระดับนึงว่าจะแต่งงานกับคนนี้ ขนาดคบกันเป็นปี ๆ แล้วก็ยังไม่ได้เจอพ่อแม่แฟนเลยก็มี เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งกังวลใจและเอาแต่คอยถามเขาบ่อยนั่นเองค่ะ
✖ 8. ถามบ่อยๆ ว่าเมื่อไรจะแต่งงานกันสักที ✖
ประเด็นนี้คาดว่าน่าจะคล้าย ๆ กับข้อที่ผ่านมาค่ะ ด้วยความที่คนญี่ปุ่นเขาดูจริงจังกับความสัมผัสเอามาก ๆ อย่างเช่นการพาไปพบพ่อแม่ก็ต้องมั่นใจแล้วว่าจะแต่งงานกับคนนี้แน่นอนเรื่องของการขอแต่งงานก็คงจะคล้าย ๆ ถ้าเขาจะขอใครสักคนแต่งงานก็คงต้องมั่นใจมาก ๆ ว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับคนนี้แน่นอน การที่เราเซ้าซี้ถามเขาด้วยคำถามเดิมบ่อย ๆ แบบเมื่อไรจะแต่งงานกันสักทีเขาจะทำให้เขาลำบากใจและรู้สึกว่าเราจริงจังเกินไปก็ได้ค่า
✖ 9. อย่าบังคับให้ตั้งหน้าจอมือถือให้เป็นรูปคู่หรือรูปเรา ✖
สำหรับประเด็นนี้เราไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัดว่าทำไม แต่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรมการเคารพความเป็นส่วนตัวของชาวญี่ปุ่นนั่นเอง และโดยส่วนมากคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะตั้งหน้าจอมือถือเป็นรูปวิว หมา แมว หรือไม่ก็ไอดอลที่ชอบมากกว่าค่ะ ส่วนมากจะไม่ค่อยตั้งเป็นรูปแฟนหรือรูปคู่เลย แม้แต่รูปตัวเองก็ไม่ค่อยตั้งนะเอ้อ พอเขามาเห็นคนตั้งรูปตัวเองหรือรูปคู่คนรักก็เลยจะแอบรู้สึกแปลกอยู่หน่อย ๆ นั่นเอง
✖ 10. บางคนไม่ชอบให้เดินจับมือ ✖
สำหรับประเด็นเขาบอกมาว่าไม่ได้เป็นกันเกือบทั้งหมดนะคะ แต่จะมีบางคนที่เขาไม่ค่อยชอบให้เดินจับมือ ประเด็นนี้ก็มาจากวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นอีกนั่นแหละค่ะเพราะบางคน ( โดยเฉพาะคนต่างจังหวัด ) ที่แอบหัวโบราณอยู่ในขนบธรรมเนียมมาก ๆ เขาก็จะคิดว่าการเดินจับมือกันมันไม่ค่อยงามเท่าไร
บางคนถึงขั้นให้แฟนเดินตามหลังก็มียิ่งคนที่มีอายุหรือวัยทำงานแล้วมีน้อยมากที่จะกุ๊กกิ๊กเดินจับมือกัน โอบไหล่ คุยกันมุ้งมิ้ง เพราะว่าการกระทำแบบนี้อาจจะถูกมองแปลก ๆ แบบว่าเอ๊ะ! เป็นเด็กบาร์ หรือมาม่าซังในร้านสแน็ครึเปล่าอะไรประมาณนี้ค่า
*.:｡*ﾟ‘ﾟ･.｡.:* *.:｡*ﾟ’ﾟ･.｡.:* *.:｡*ﾟ¨ﾟ･ .｡.:* *.:｡*ﾟ¨ﾟ･ .｡.:*
และนี่ก็เป็นคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับมัดใจหนุ่มญี่ปุ่นที่เรานำมาฝากกันในบทความนี้ค่า หวังว่าน่าจะถูกใจเพื่อน ๆ ที่กำลังอินเลิฟปลูกต้นรักกับชาวยี่ปุ่นอยู่นะคะ ทั้งนี้ทั้งนั้นขอบอกว่าแต่ละประเด็นที่เรานำมาฝากก็เป็นแค่ผลส่วนใหญ่จากการที่เราไปตามสืบข้อมูลมานะคะ
อาจจะมีบางคนที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างจากประเด็นที่เราได้เล่ามากก็ได้ เอาเป็นว่าแค่ไม่ก้าวก่ายความเป็นตัวส่วนตัวจนเขาตกใจก็น่าจะโอเคแล้วค่าและที่สำคัญ be yourself เป็นตัวของตัวเองนี่แหละดีที่สุดเนอะ ยังไงเราก็ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ ที่กำลังปลูกต้นรักกับชาวญี่ปุ่นอินเลิฟกับหวานใจไปนาน ๆ เลยนะคะส่วนวันนี้เราคงต้องขอตัวไปก่อนแล้ว บ้ายบายค่า
ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง https://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore
