จากกรณี ครอบครัวนางใหญ่ (นามสมมติ) อายุ 67 ปี เข้าร้องเรียนมูลนิธิปวีณาหงสกุล หลังนางใหญ่โดน นายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เด็กข้างบ้านที่เลี้ยงดูเหมือนลูกหลาน ข่มขืนกลางดึกวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพ่อแม่นายเอ พาลูกมามอบตัว ในวันที่ 17 ม.ค. ก่อนสหวิชาชีพจะนำตัวเด็กไปสอบปากคำ และฝากขังเรียบร้อยแล้วนั้น
วันที่ 20 ม.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี สอบถาม นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 48 ปี ลูกสาวของนางใหญ่ เปิดเผยว่า วันที่ 13 ม.ค. เวลาประมาณ 23.00 น. ขณะนั้นลูกหลานของยายไปขายของที่อื่น ส่วนยายอยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว โดยไม่ได้ล็อคประตูบ้าน
ขณะที่ยายกำลังนอนหลับอยู่ภายในห้องนอน ยายรู้สึกเหมือนมีคนมานั่งทับร่าง ลืมตาขึ้นดูพบนายเอ กำลังนั่งคร่อมร่าง จึงพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่นายเอ นำหมอนมาอุดหน้ายาย พร้อมกับใช้มือบีบจมูก กับบีบคอ เพื่อไม่ให้ยายดิ้นหนี และจับยายกระแทกกับที่นอนจนยายระบมไปทั้งตัว
จากนั้นนายเอ กระชากเสื้อในของยายขาดเป็น 2 ส่วน และถลกผ้าถุงของยายออก ก่อนจะลงมือข่มขืนถึง 6 ครั้ง จนยายต้องแกล้งทำเป็นบอกว่า“รักหลาน อย่าทำยาย มีอะไรก็ให้กิน” พูดอยู่หลายครั้ง จนนายเอยอมออกไป พร้อมกับนำเงินที่ยายซ่อนไว้ในเสื้อชั้นในจำนวน 2,800 บาท และขู่ยายว่า อีก 3 วัน จะมาเอาเงินอีก 30,000 บาท ทั้งนี้ในฐานะที่ตนเป็นลูกสาว รู้สึกโกรธมาก “หากฆ่าได้ก็อยากจะฆ่าให้ตาย” ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ด้าน นางใหญ่ (นามสมมติ) อายุ 67 ปี ยายผู้เสียหาย เปิดเผยว่า นายเอมักจะมาขอข้าวกิน และมาขอเงินตนเป็นประจำ ครั้งละ 20-100 บาท เพราะครอบครัวของ นายเอ เป็นชาวไร่ มีฐานะยากจน ด้วยความสงสารจึงช่วยเหลือ และเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก คอยให้ข้าวให้น้ำ ซึ่งรักเหมือนลูกหลาน
นอกจากนี้นายเอ ขู่ว่าห้ามไปบอกใคร และอีก 3 วัน จะกลับมาเอาเงิน 30,000 บาท ซึ่งตนแกล้งรับปากว่า จะเตรียมเงินไว้ให้ กระทั่งนายเอหลบหนีไปพร้อมกับเงิน จำนวน 2,800 บาท เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณ จมูกกับปาก ซึ่งมีอาการบวม และที่ข้อมือถูกกัด อีกทั้งยังมีแผลฉีกขาดที่ช่องคลอด ซึ่งก็รู้สึกปวดบริเวณหน้าท้อง หลังเกิดเรื่องครอบครัวของเด็กยังไม่ได้ขอโทษ ซึ่งตนก็คงจะไม่ให้อภัย เพราะเด็กคนนี้เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่กลับมาทำเช่นนี้
ขณะที่ นางสมศรี (นามสมมติ) อายุ 40 ปี แม่ของเด็กชายเอ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ยอมรับว่าลูกชายไปก่อเหตุข่มขืนยายจริง ตนทราบเรื่องหลังลูกชายกลับบ้านมาบอก ซึ่งตอนแรกลูกชายไม่กล้ายอมรับ เพราะกลัวความผิดที่ก่อไว้ จึงไปแอบอยู่ในป่ารกร้างข้างหมู่บ้าน จากนั้นจึงรีบพาลูกชายไปมอบตัวกับตำรวจ
โดยลูกชายรับสารภาพว่า สาเหตุที่ทำเพราะมีอาการเมาและขาดสติ เนื่องจากไปดื่มเหล้าขาวกับเพื่อนที่งานศพ หมดไป 4 ขวด และก่อนหน้านี้ลูกชายมีอาการทางจิต ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง เพราะถูกรถชน หลังจากนั้นครูที่โรงเรียนพาไปหาหมอ ตรวจดูพบว่าลูกชายมีอาการทางจิตเวช ซึมเศร้าและมีอาการคิดช้า
โดยลูกชายรักษาด้วยยามาตลอด กระทั่งครูที่โรงเรียนย้ายออกไป ทำให้ลูกชายไม่ได้ไปหาหมอ และไม่ได้กินมาเกือบ 1 ปี ส่งผลให้อาการแย่ลง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าลูกชายไม่เคยก่อเหตุเช่นนี้มาก่อน และหลังเกิดเรื่องตนได้กล่าวขอโทษยายแล้ว ซึ่งยายให้อภัย แต่ในส่วนของการรับผิดชอบ ตนคงไม่มีต้องปล่อยให้ลูกชายรับกรรม และรับผิดชอบทางกฎหมายต่อไป
https://youtu.be/qqe1i-S8a_w
